โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก เผยโฉมรุ่นพิเศษเพื่อนักสะสม ‘เรธ อีเกิล 8’ (WRAITH EAGLE VIII)

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก มีความยินดีที่ได้เปิดตัวยนตรกรรมรุ่นพิเศษเพื่อนักสะสม ‘เรธ อีเกิล 8’ เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทยได้โควตา 1 คัน จากการผลิตจำกัดเพียง 50 คันทั่วโลก ซึ่งถูกผลิตขึ้น ณ ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก ที่เมืองกู๊ดวูด สหราชอาณาจักร

มร.เอียน แกรนท์, ผู้จัดการฝ่ายขายภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เผยว่า “ที่ โรลส์-รอยซ์ พวกเรามักพูดกันว่า ‘แรงบันดาลใจ มีอยู่ทุกแห่งหน’ ซึ่ง เรธ อีเกิล 8 ก็เป็นสิ่งที่สนับสนุนคำกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นยนตรกรรมที่สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากความมุทะลุและห้าวหาญ ของ 2 นักบิน
ผู้สามารถข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่จอดพักได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลกช่วงปี 2462 ซึ่ง โรลส์-รอยซ์ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดในการรังสรรค์ยนตรกรรมสุดพิเศษรุ่นนี้ ด้วยการผสมผสานวัสดุที่ดูร่วมสมัย เข้ากับนวัตกรรมการออกแบบยุคใหม่ ภายใต้ความประณีตบรรจง ให้เป็นผลงานชิ้นเอกเพื่อเป็นเกียรติแด่บรรดา
นักบุกเบิกผู้เกรียงไกร, นักผจญภัย และผู้ที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์”

คุณกฤษดา สวามิภักดิ์, ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของประวัติศาสตร์การเดินทางอันยิ่งใหญ่ เราภูมิใจนำเสนอหนึ่งในยนตรกรรมรุ่นพิเศษ ที่สามารถสะท้อนความหรูหรา, ความประณีต และจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ได้ดีที่สุด ซึ่งลูกค้า โรลส์-รอยซ์ ในไทย ล้วนชื่นชอบยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์และประณีตบรรจง ปีนี้ โรลส์-รอยซ์ จึงตอบสนองด้วยยนตรกรรมสั่งทำพิเศษอีก 1 รุ่น นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่งาน ‘The Pinnacle of Luxury 2019’ ที่ได้รวบรวมยนตรกรรมสุดหรูมาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด”

‘เรธ อีเกิล 8’ สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากการเดินทางอันน่าทึ่งของ 2 นักบิน คือ กัปตันจอห์น อัลค็อก และ อาร์เธอร์ บราวน์ ผู้ประสบความสำเร็จในการขับเครื่องบินทิ้งระเบิด Vickers Vimy สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่จอดพัก เป็นครั้งแรกของโลกช่วงปี 2462

เครื่องบินที่ผ่านการปรับแต่งเป็นพิเศษ ติดตั้งเครื่องยนต์ของ โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 (Eagle VIII) 350 แรงม้า ถึง 2 ตัว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรุ่นสำหรับยนตรกรรมสุดพิเศษนี้ เป็นเสมือนการฉลองครบรอบ 100 ปี ของการเดินทางอันยิ่งใหญ่ ที่สะท้อนถึงการผจญภัยในปัจจุบัน และเพื่อเป็นเกียรติแด่บรรดาวีรบุรุษผู้บันทึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่

ระหว่างการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ นักบินทั้ง 2 ประสบปัญหาแทบจะทุกรูปแบบ วิทยุสื่อสารและระบบนำทางไม่สามารถใช้งานได้เกือบตลอดการบิน ทำให้ทั้งคู่ต้องอาศัยสัญชาติญาณ บินผ่านกลุ่มเมฆหนาทึบและหมอกเย็นจัดนานหลายชั่วโมง บางครั้งถึงขั้นบินกลับหัว แต่ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยมของ อาร์เธอร์ บราวน์ ก็สามารถทำให้พวกเขารอดมาได้อย่างปลอดภัย โดยเครื่องยนต์ โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 กลายเป็นสิ่งเดียวในค่ำคืนนั้นที่สามารถทำงานได้อย่างไร้ที่ติตลอดการบิน ทำลายสถิติด้วยความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 185 กม./ชม.

“ผมไม่แน่ใจว่าควรชมเชยสิ่งใดมากสุด ระหว่างความมุทะลุ, ความมุ่งมั่น, ทักษะ, วิทยาศาสตร์, เครื่องบิน, เครื่องยนต์ โรลส์-รอยซ์ หรือความโชคดีของพวกเขา”
เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล กล่าวถึงการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของ อัลค็อก และ บราวน์

ตัวถังของ ‘เรธ อีเกิล 8’ เป็นการรำลึกถึงการผจญราตรีของกัปตันอัลค็อกและร้อยโทบราวน์ สีกันเมทัลตัดกับสีเซลบี เกรย์ (Selby Grey) แบ่งเป็นสัดส่วนโดยเส้นทองเหลือง สื่อถึงรายละเอียดที่อยู่ด้านใน กระจังหน้าสีดำได้รับอิทธิพลจากเครื่องยนต์ โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ที่ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องบินทิ้งระเบิด Vickers Vimy ขณะที่ล้อแม็กเคลือบเงาเป็นบางจุดด้วยสีเทาเข้ม

ห้องโดยสารผ่านการตกแต่งอย่างประณีตและดูร่วมสมัย ให้สอดคล้องกับสีตัวถัง วัสดุทองเหลืองถูกใช้ในจุดสำคัญทั่วทั้งส่วนของที่นั่งคนขับ หนังแท้สีเซลบี เกรย์ (Selby Grey) และสีดำ แต่งขอบด้วยทองเหลือง สื่อถึงเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้งและเส้นแวงทองเหลือง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

กรอบลำโพงผลิตจากทองเหลือง แสดงระยะทางโดยประมาณกว่า 1,880 ไมล์ ของไฟล์ทการบินในตำนาน นอกจากนั้นโมโนแกรม ‘RR’ ยังถูกตกแต่งด้วยด้ายสีทองเหลืองบนที่วางแขน ความสว่างไสวของทองเหลืองช่วยเติมเต็มช่องใส่ของบริเวณประตู ขณะที่ประตูฝั่งผู้ขับตกแต่งด้วยแผ่นเหล็ก สลักถ้อยแถลงของเชอร์ชิล
ต่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนักบินทั้งคู่

ด้วยแรงบันดาลใจจากไฟล์ทบินยามราตรีของวีรบุรุษผู้กล้าหาญ แดชบอร์ดถูกตกแต่งให้สะท้อนทิวทัศน์ซึ่งนักบินทั้ง 2 ได้เห็นในท้ายที่สุด หลังบินฝ่าเมฆหมอกหนาออกมาได้สำเร็จ ด้วยกรรมวิธีร่วมสมัย ผสานเทคนิคดั้งเดิม ไม้ยูคาลิปตัสรมควันผ่านการชุบสูญญากาศเป็นสีทอง ก่อนนำไปเลี่ยมกับเงินและทองแดง เพื่อถ่ายทอดรายละเอียดอันสวยงามของพื้นโลกยามค่ำคืนเมื่อมองจากท้องฟ้า การตกแต่งนี้ทอดยาวไปจนถึงคอนโซลกลาง มอบประสบการณ์พิเศษแด่ผู้ครอบครอง เบาะผู้ขับสอดคล้องกับเพดานรถ ขณะที่ส่วนล่างของอุโมงค์กลางถูกบุและเย็บด้วยด้ายทองเหลือง สะท้อนถึงเครื่องบิน Vickers Vimy เครื่องยนต์ วี12 สูบ ได้อย่างชัดเจน

นาฬิกาในรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ นับเป็นเครื่องประดับอันเลอค่าอีกชิ้นหนึ่ง ลูกค้าหลายท่านจึงเลือกตกแต่งในส่วนนี้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา ‘เรธ อีเกิล 8’ ก็เช่นกัน ผู้บุกเบิกที่กล้าหาญของเราพบว่า แผงหน้าปัดอุปกรณ์ของพวกเขาแทบกลายเป็นน้ำแข็ง เนื่องจากระดับความสูงและสภาพอากาศอันย่ำแย่ แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนั้น มาจากแสงสีเขียวของแผงควบคุมและประกายไฟจากเครื่องยนต์ทางกาบขวาของเครื่องบิน

เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แผนก Bespoke Collective ของ โรลส์-รอยซ์ ได้ประกอบนาฬิกาเข้ากับพื้นผิวที่ตกแต่งให้ดูคล้ายมีน้ำแข็งเกาะอย่างอัจฉริยะ แสงสีเขียวเรืองรองส่องสว่างยามกลางคืน เข็มชั่วโมงสีแดงแบบเดียวกับเข็มทิศ ได้แรงบันดาลใจจากลวดลายเส้นสายบนแผงหน้าปัดนาฬิกา ขณะที่พิกัดลงจอดถูกสลักไว้ด้านล่าง

ส่วนประกอบที่มีเสน่ห์มากสุดของรถคันนี้ เป็นเพดานห้องโดยสารที่สวยงามด้วยแสงดาว Starlight Headliner เส้นใยไฟเบอร์ออปติก 1,183 จุด แสดงตำแหน่งของดวงดาวบนฟากฟ้าในช่วงเวลาของไฟล์ทบินในปี 2462 เส้นทางบินและหมู่ดาวต่างๆ ถูกถักร้อยด้วยเส้นด้ายทองเหลือง โดยเรื่องราวที่ทั้ง 2 บินฝ่าหมู่เมฆเพื่อใช้ดวงดาวนำทาง ถูกบอกเล่าผ่านเส้นใยนำแสงไฟเบอร์ออปติกสีแดง ควบคู่กับการเย็บปักเป็นลายก้อนเมฆ นอกจากนั้นยังมีแผ่นเหล็กที่มีข้อความ ‘The celestial arrangement at the halfway point 00:17am June 15th 1919, 50” 07’ Latitude North – 31” Longitude West’ แสดงจุดกึ่งกลางของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์

โรลส์-รอยซ์ ‘เรธ อีเกิล 8’ ผลิตขึ้นอย่างประณีต ณ ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก ในเมืองกู๊ดวูด จำกัดเพียง 50 คันทั่วโลก ขอเชิญผู้สนใจมาชมรายละเอียดอันสุดยอดของยนตรกรรมที่มีเพียง 1 คันในประเทศไทย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมถ่ายภาพกับคุณหรั่ง ‘สุรศักดิ์ อิทธิฤทธิ์’ ช่างภาพชั้นแนวหน้าของไทย ได้ที่งาน ‘The Pinnacle of Luxury 2019’ ที่สยามพารากอน (แฟชั่นฮอลล์) ระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2562

Visitors: 1,487,756