NEW HONDA CITY HATCHBACK ดีไซน์ใหม่ พร้อมออปชั่นจัดเต็ม ภายใต้นิยาม Move It Your Way ไปทุกเส้นทางได้อย่างที่เป็นคุณ เป็นทุกอย่างที่อยากให้เป็น

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ซิตี้คาร์สปอร์ตแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ยอดนิยมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกขั้นสู่การเป็น “Energetic & Safety Hatchback” สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอกใหม่รอบคัน ห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ที่สามารถปรับพับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายรูปแบบ ตอบรับทุกการใช้งาน มาพร้อม 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง จากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานพลังกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองดั่งใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมยิ่งขึ้นที่ 27.8 กม./ลิตร และขุมพลัง VTEC TURBO1.0 ลิตร ขับสนุกทุกอัตราเร่งด้วยกำลังสูงสุด 122 แรงม้า มั่นใจทุกการเดินทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานล้ำสมัยที่เชื่อมต่อสมาร์ตไลฟ์สไตล์ระหว่างรถกับผู้ใช้งานอย่างลงตัว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกควบคู่กับความปลอดภัย ให้คุณมูฟสู่ทุกเส้นทางแบบไม่ตามใคร ใช้ชีวิตไม่ตามสูตรอย่างที่เป็นคุณ อีกทั้งเติมเต็มไลน์อัป City Series ให้ครบครันและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

 

มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย มาพร้อมราคาพิเศษ ทั้งรุ่นระบบฟูลไฮบริด e:HEVที่เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้นด้วยราคาใหม่ รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท พร้อมเพิ่มรุ่นย่อย e:HEV SVราคา729,000 บาท เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าให้ลูกค้าได้สัมผัสเทคโนโลยีฟูลไฮบริด e:HEV จากฮอนด้า และรุ่นขุมพลัง VTEC TURBO ที่เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและอัปเกรดความปลอดภัยอีกขั้น กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ด้วยราคา 599,000 บาท – 749,000 บาท

 

มูฟอย่างมีสไตล์ในดีไซน์ใหม่ที่สปอร์ตขึ้นอีกขั้น สะดวกสบายไปกับห้องโดยสารกว้างขวาง

Honda City Hatchback ออกแบบภายใต้แนวคิด EnergeticHatchback ดีไซน์ภายนอกสะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายเฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน สะท้อนความสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์แฮทช์แบ็ก ในขณะที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย มาพร้อมความอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ใช้งาน

การออกแบบภายนอก

  • ใหม่! กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่
  • ใหม่! กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)
  • ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV) พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน
    แบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
  • โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV ที่ด้านท้าย เอกลักษณ์เฉพาะรถ e:HEV ของฮอนด้า(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • มือจับเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)
  • เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)
  • ใหม่! ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 15 นิ้ว (รุ่น S+) ขนาด 15 นิ้วแบบทูโทน (รุ่น SV) และแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)

การออกแบบภายใน

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้กว้างขวาง โปร่งโล่ง มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

  • ใหม่! วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีเทา (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)
  • วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black
  • มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)

พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองด้วยเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มสเปซการใช้งานอเนกประสงค์ได้ดั่งใจ พร้อมด้วยห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของฮอนด้า โดยปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
  • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

 

 

 

เสริมสปิริตความสปอร์ตขึ้นอีกขั้น ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน ในรุ่น RS และ รุ่น e:HEV RS

  • ใหม่! กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ตแบบ RS
  • ใหม่! กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ตแบบ RS
  • ใหม่!เพิ่มสเกิร์ตข้าง สไตล์สปอร์ตแบบ RS
  • สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ตแบบ RS
  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
  • ใหม่! ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์สปอร์ตใหม่
  • ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา
  • เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา
  • ใหม่! ล้ออัลลอยสีดำแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
  • ใหม่!วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีแดง

 

 

มูฟไปข้างหน้าอย่างมีพลังในทุกเส้นทาง กับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน

  • ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง ตอบโจทย์ในทุกเส้นทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนมอบการตอบสนองได้ดั่งใจตั้งแต่ออกตัวกับแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 3,000 รอบต่อนาที และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมยิ่งขึ้นที่ 27.8 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20 ทั้งนี้ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV
    จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมและสถานการณ์การขับขี่ ประกอบด้วย3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
  • พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่เทคโนโลยีฟูลไฮบริดจากฮอนด้าในรถซิตี้คาร์ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbocharger ขับสนุกทุกเส้นทาง มอบอัตราเร่งแรงเร้าใจได้ตามคิดด้วยกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) อีกทั้งประหยัดน้ำมันเกินคาดด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20

 

มูฟสู่ทุกเส้นทางอย่างมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่รองรับทุกการขับขี่

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบ
ไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น S+, SV และ RS)
    พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF)

    (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ใหม่! ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

 

 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านการขับขี่และความปลอดภัยที่ครบครัน* อาทิ

  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)(รุ่น e:HEV RS)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV
    และ e:HEV RS)
    ที่มีการพัฒนาคุณภาพของกล้องให้มีความละเอียดสูงขึ้น
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ถุงลมคู่หน้า
  • ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
  • ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
  • ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
  • ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
  • ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)

ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและฟังก์ชันล้ำสมัย* เชื่อมต่อรถกับผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว อาทิ

  • ใหม่! ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)ที่ได้พัฒนาการแสดงผลสีของหน้าจอให้คมชัดยิ่งขึ้น พร้อมปรับโฉม Interface ใหม่ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
  • ใหม่!ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง(รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)และด้านหน้า 1 ตำแหน่ง(รุ่น S+)
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
  • พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS)
  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ปุ่ม ECON
  • ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
  • กระจกมองหลังแบบตัดแสง
  • แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)
  • ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
  • ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
  • พนักเท้าแขนด้านหน้า (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS)
  • ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก
    (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
  • ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
  • ยกระดับชีวิตให้สมาร์ตขึ้นไปอีกขั้นกับ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ (รุ่น RS และ e:HEV RS) ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ

 


Honda City Hatchback ใหม่สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่

  • สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก)(Brilliant Sporty Blue Metallic) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำ (ทูโทน) (Two-tone) ใหม่!(เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
  • สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (Ignite Red Metallic) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS)
  • สีขาวแพลทินัม (มุก) (Platinum White Pearl) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS)
  • สีดำคริสตัล (มุก) (Crystal Black Pearl)
  • สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) (Meteoroid Gray Metallic)
  • สีเทาโซนิค (มุก) (Sonic Gray Pearl)
  • สีขาวทาฟเฟต้า (Taffeta White) (เฉพาะรุ่น S+)

มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น

  • รุ่นขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEVมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
  • รุ่น e:HEV RS                  ราคา 799,000 บาท
  • รุ่น e:HEV SV                  ราคา 729,000 บาท          
  • รุ่นขุมพลัง VTEC TURBOมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
  • รุ่น RS                              ราคา 749,000 บาท          
  • รุ่น SV                              ราคา 679,000 บาท
  • รุ่น S+                              ราคา 599,000 บาท 

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/cityhatchback

 

ใช้งานระบบฟูลไฮบริด e:HEV ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

 

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง

เสริมความโดดเด่นสไตล์สปอร์ตอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด More Enhanced Sporty” โดยมีหลากหลายไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ชุดโลโก้สีดำ หน้า-หลัง ราคา 1,200 บาท  คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท  ชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 1,100 บาท  ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท  ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว* ราคา 3,900  บาท  ปลอกท่อไอเสีย (สำหรับรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) ราคา 1,275 บาท  ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง ราคา 2,400 บาท และแผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง ราคา 1,700 บาท

นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจ ทั้งหมด 2 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Black Package ราคา 16,000 บาท ประกอบด้วยล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว* และชุดโลโก้สีดำ หน้า-หลัง
  • Modulo Aero Sport Package ราคา 23,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง

ผู้ที่สนใจชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/products/cityHatchback

 

หมายเหตุ:

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

  • สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท
  • สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) หลังคาสีดำ (ทูโทน)  สีดำคริสตัล (มุก) และสีเทาโซนิค (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
  • ราคาล้ออัลลอย รวม 4 วง ไม่รวมราคายาง
  • ราคาอุปกรณ์ตกแต่งรวมค่าแรงติดตั้ง ไม่รวม VAT 7%
  • กรณีติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพร้อมรถยนต์ใหม่ รับประกันอุปกรณ์ตกแต่งนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
Visitors: 1,856,755