ออโต้อัลลายแอนซ์ ใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ยกระดับการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ผู้บริหารและพนักงานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอเอที บริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจาก บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ และ บมจ. ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ร่วมพิธีเปิดโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา Solar for Rooftop ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อฉลองความสำเร็จในการติดตั้ง และเริ่มต้นผลิตกระแสไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลส์ซึ่งติดตั้งบนพื้นที่บริเวณหลังคาโรงงานเอเอทีกว่า 45,000 ตารางเมตร โดยมีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เอเอทีบรรลุเป้าหมายด้านการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยการนำพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นมาใช้ การติดตั้งแผงโซลาร์ เซลล์ ในครั้งนี้จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 92,568 ตัน และช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการผลิต ได้เฉลี่ยปีละ 31.6 ล้านบาท หรือประมาณ 790 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 25 ปี


คณะผู้บริหารเอเอที นำโดย มร.เคล เคิร์นส ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มร.โทโมยูกิ คาซาม่า รองประธานบริหารฝ่ายการเงิน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน นายชัยพร ศิลแดนจันทร์ รองประธานบริหารฝ่ายผลิต นายสุพจน์ แหล่งสนาม รองประธานอาวุโสฝ่ายผลิต และนายสถิรยุทธ แสงสุวรรณ รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคล ร่วมพิธีเปิดโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา Solar for Rooftop ซึ่งติดตั้งบนพื้นที่บริเวณหลังคาโรงงานเอเอที 


คณะผู้บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มร.เดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและการลงทุนต่างประเทศ นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและการลงทุนต่างประเทศ นางลัดดา โรจนาวิไลวุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่ดิน และอาคารอุตสาหกรรม และผู้บริหารจาก บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายพันธุ์รพี นพรัมภา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจพลังงาน ที่เข้าร่วมพิธี


โครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา Solar for Rooftop ซึ่งติดตั้งบนพื้นที่บริเวณหลังคาโรงงานเอเอทีกว่า 45,000 ตารางเมตร โดยมีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 92,568 ตัน และช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการผลิต ได้เฉลี่ยปีละ 31.6 ล้านบาท หรือประมาณ 790 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 25 ปี

Visitors: 1,487,998