ยลโฉมยานยนต์หรูระดับเฟิร์สคลาส เลกซัส LS ใหม่ เจนเนอเรชันที่ 5

เลกซัส LS ได้รับการแนะนำเข้าสู่ตลาดรถยนต์ระดับหรูครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2532 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ต้องการสุดยอดยนตกรรมที่มีภาพลักษณ์โดดเด่นและหรูหราสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกขั้นสูงและอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน โดยเลกซัส LS เป็นที่ยอมรับด้านคุณภาพจากทั่วโลกและเด่นชัดด้วยยอดขายรวมจนถึงปัจจุบันกว่า 570,000 คัน* ในประเทศสหรัฐอเมริกา และมากกว่า 800,000 คัน* ทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560) 

เลกซัส LS ใหม่ นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 5 พัฒนาขึ้นโดยเน้นการผสมผสานรูปลักษณ์และเสน่ห์แห่งยนตกรรมแถวหน้าที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ผ่านมาตรฐานฝีมือการผลิตและความเอาใจใส่ขั้นสูงแบบญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้านความปราณีตและพิถีพิถัน (Takumi Craftsmanship) อันเป็นเอกลักษณ์ เลกซัส LS จึงสะท้อนถึงขนบธรรมเนียมในการต้อนรับและการบริการแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Omotenashi” ด้วยการทำให้ทุกรายละเอียดของยนตกรรมนี้ นำมาซึ่งบรรยากาศแห่งความสงบและความผ่อนคลาย สร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำ มิอาจลืมเลือน เลกซัส LS ใหม่ เผยโฉมสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และสำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้นำเสนอความหรูหราสมบูรณ์แบบของเลกซัส LS ใหม่ ให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส

มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “LS400 เปิดตัวสู่ตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2535 ณ เวลานั้นเลกซัสดึงความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่มีมุมมองในการแสวงหาความแตกต่างเพื่อรถระดับหรูที่ดีที่สุดท่ามกลางตัวเลือกอื่น ปัจจุบัน เลกซัส ได้รับความไว้วางใจและเป็นที่รักของกลุ่มคนไทยที่รับรู้ถึงความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ เราขอเรียกคนเหล่านี้ด้วยความเคารพว่าเป็น “แฟนพันธุ์แท้ของเลกซัส LS” ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 700 ท่าน ผมขอแนะนำ เลกซัส LS ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 5 นอกจากจะมีบทบาทเป็นรถรุ่นเรือธงของแบรนด์เลกซัสแล้ว เลกซัส LS ใหม่ ยังจะเป็นผู้นำในการพาเลกซัสสู่อนาคต และจะพลิกเกมด้วยการเพิ่มคุณค่าทางอารมณ์ความรู้สึกเข้าไปในแบรนด์ของเรา ทำให้แบรนด์เลกซัสมีความเร้าใจมากยิ่งขึ้น”



มร. โคจิ ซาโต้ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส เลกซัส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “เลกซัส LS เจนเนอเรขั่นที่ 5 พัฒนาขึ้น เพื่อสร้างนิยามใหม่แห่งความหรูหรา โดยคงไว้ซึ่ง DNA ของเลกซัส LS รุ่นแรก และได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับสุนทรียภาพการขับขี่อันยอดเยี่ยม ด้วยการออกแบบให้คงความเป็น LS แบบดั้งเดิม แต่เพิ่มความประทับใจในการออกแบบด้านอารมณ์ความรู้สึกเพื่อกระตุ้นทุกโสตสัมผัส โดยเลกซัส LS นับเป็นรุ่นเรือธงที่รวมนวัตกรรมด้านยานยนต์ของเลกซัส เป็นตัวตนที่เหนือกว่ายานยนต์ระดับหรูแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง ภายใต้หลักการพัฒนา 4 จุดหลัก ดังนี้

- “การออกแบบที่กล้าจะแตกต่าง” (Brave Design): โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่เร่งเร้าและดุดัน มาพร้อมเส้นสายโฉบเฉี่ยวเฉพาะตัว ห้องโดยสารภายในหรูหราเหนือระดับ ให้ความ สำคัญสูงสุดสำหรับความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลัง
- “ความปราณีตและความพิถีพิถัน” (Takumi Craftsmanship): สะท้อนผ่านการออกแบบที่ผสานความงดงามแห่งศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นกับเทคโนโลยีการผลิตอันก้าวล้ำ ละเมียดละไมในทุกรายละเอียดประดุจงานหัตถศิลป์ชั้นสูง
- "สมรรถนะที่เร้าใจ” (Exhilarating Performance): แรงเต็มสมรรถนะด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 3 รูปแบบ อัตราเร่งนุ่มนวลตอบสนองความรู้สึกผู้ขับขี่ ควบคุมการทรงตัวได้อย่างมั่นใจ และตัวถังรถพัฒนาอย่างสมบูรณ์ เพื่อการขับขี่ที่รื่นรมย์
- “เทคโนโลยีแห่งอนาคต” (Imaginative Technology): ครบครันและล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีระดับสูง เติมเต็มสุนทรียภาพความบันเทิงด้วยเครื่องเสียง Mark Levinson และมั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัย Lexus Safety System Plus”

เลกซัส LS เจนเนอเรชั่นที่ 5 มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ 3 ทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฮบริด เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ในรุ่น LS 500h เต็มสมรรถนะยิ่งขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่มาพร้อมกับชุดเกียร์ใหม่ Lexus Multi Stage Hybrid สุดยอดนวัตกรรมที่จะทำให้เครื่องไฮบริดขับสนุกเร้าใจยิ่งขึ้น อีกทั้งเครื่องยนต์ใหม่แบบเทอร์โบชาร์จคู่ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ในรุ่น LS 500 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 10 ระดับ ตอบสนองสุนทรียะด้านการขับขี่สูงสุด และ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ในรุ่น LS 350 ให้ความนุ่มนวลตลอดการขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยแนวทางการออกแบบชั้นเยี่ยม L-finesse ทำให้เลกซัส LS เป็นยนตกรรมที่สมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด “ผมมั่นใจว่า LS ใหม่ คือ รถซีดานหรูขนาดใหญ่ ที่จะสร้างความประทับใจและตอบสนองประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ LS ใหม่คือกลุ่มผู้บริหารระดับสูงยุคใหม่ที่มีทัศนคติและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ให้ความสำคัญกับคุณค่าด้านความปราณีต

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดของ LS ใหม่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ สร้างการรับรู้ของการเปิดตัวเลกซัส LS ใหม่ในวงกว้าง เริ่มจากในเย็นวันนี้ เราได้เชิญลูกค้ากลุ่มแรกมาร่วมสัมผัสเลกซัส LS ในบรรยากาศสุดพิเศษ หลังจากนั้น เลกซัส LS ใหม่ จะจัดแสดงและเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 34 ซึ่งผู้ที่จอง LS ใหม่ภายในงาน จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมทริป Lexus Test Drive The World และเนื่องด้วยเลกซัส LS คือต้นกำเนิดของประวัติศาสตร์เลกซัสด้วยการเป็นรถรุ่นแรก เราจึงใช้โอกาสของการแนะนำ LS เจนเนอเรชันที่ 5 เป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของเลกซัส โดยสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และแนวทางใหม่ของแบรนด์เลกซัส



สำหรับกลยุทธ์ที่ 2 คือ การสร้างความประทับใจที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าคนสำคัญของเรา โดยหากลูกค้าท่านใดที่สนใจซื้อ LS ใหม่ เราจะมีบริการให้ทดลองขับส่งตรงถึงหน้าบ้าน ทั้งนี้ เลกซัสยังคงไว้ซึ่งการต้อนรับและบริการที่อบอุ่นแบบญี่ปุ่น หรือ Omotenashi โดยใส่ใจในรายละเอียดของการดูแลลูกค้าอย่างพิถีพิถัน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัส และทำให้เลกซัสแตกต่างจากแบรนด์รถหรูทั่วๆไป
เลกซัส LS ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือกมากถึง 11 สี พร้อมสีใหม่ 2 สี ได้แก่ สี Manganese Luster และ สี Sonic Agate ด้วยทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เลกซัส LS เจเนอเรชั่นที่ 5 คือยานยนต์ที่บ่งบอกตัวตนที่แตกต่างและยากจะเทียบเทียมของผู้ครอบครอง จึงเป็นที่มาของการสื่อสารภายใต้แนวคิด AMAZING STATEMENT

นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็น Luxury Lifestyle Brand ในปีที่ผ่านมาเราได้ทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับแบรนด์ต่างๆ มากมาย อาทิเช่น Dean & Deluca และการบินไทย รวมถึง ร่วมฉลองวาระครบ 25 ปี ของเลกซัสในประเทศไทย กับเอมโพเรียม เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และในปีถัดๆไป เรายังคงนำเสนอความเป็น Luxury Lifestyle Brand ให้กับลูกค้าเลกซัส อย่างต่อเนื่อง สะท้อนความมุ่งมั่นสูงสุดของเลกซัสที่จะทำให้ลูกค้าของเรารู้สึก Experience Amazing อย่างแท้จริง”

มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับจากนี้ เลกซัสจึงไม่ใช่เพียงแต่แบรนด์แห่งยนตกรรมระดับหรูเท่านั้น หากแต่ทิศทางใหม่ของเราคือ การมุ่งสู่ความเป็นแบรนด์แห่งไลฟ์สไตล์สุดหรู ที่สามารถตอบสนองลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่มีรสนิยม และไลฟ์สไตล์ที่เน้นประสบการณ์เหนือระดับอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำแท็กไลน์ใหม่ของเลกซัส “Experience Amazing (สัมผัสประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์)” และเลกซัส LS ใหม่ จะเป็นปฐมบทที่เชิญชวนลูกค้าของเลกซัสมาเปลี่ยนประสบการณ์ “Experience Amazing” ของ ยนตกรรมรุ่นนี้ และจะเป็นปฐมบทใหม่ของยานยนต์ระดับหรูในอนาคต”

เลือกเป็นเจ้าของความหรูหรา สมบูรณ์แบบ...ของ เลกซัส LS ใหม่
สีภายนอก
 Sonic Quartz
 Sonic Silver
 Sonic Titanium
 Manganese Luster สีใหม่
 Black
 Graphite Black Glass Flake
 Red Mica Crystal Shine
 Sonic Agate สีใหม่
 Sleek Ecru Metallic
 Amber Crystal Shine
 Deep Blue Mica

สีภายในห้องโดยสาร
LS500h รุ่น Executive Pleat
 Black with Kiriko (Cut Glass)
 Crimson & Black with Kiriko (Cut Glass)
LS500h รุ่น Executive
 Black with Art wood (Organic)
 Crimson & Black with Art wood (Herringbone)
LS350 รุ่น Luxury
 Black with Shimamoku
 Topaz Brown with Walnut (Open Pore)

วัสดุแผงข้างประตู
 Kiriko (Cut Glass)
 Art wood (Organic)
 Art wood (Herringbone)
 Shimamoku
 Walnut (Open Pore)

เป็นเจ้าของความหรูหรา สมบูรณ์แบบของ เลกซัส LS ใหม่ ได้ 4 รุ่น ได้แก่
 LS500h รุ่น Executive Pleat 15,830,000 บาท
รุ่น Executive 14,500,000 บาท
 LS500 รุ่น Executive 13,080,000 บาท
 LS350 รุ่น Luxury 11,530,000 บาท

พิเศษสุด!! เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เหนือกว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เลกซัสทุกรุ่นจากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

• รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Lexus Club รวมทั้งสิทธิพิเศษจาก Lexus Privilege ผ่าน Mobile Application “Lexus Elite Club” พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ และสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าคนสำคัญตลอดทั้งปี
• อุ่นใจในทุกการเดินทางด้วย ด้วยการรับประกันคุณภาพ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และการบริการจากเลกซัส เซอร์วิส คอร์เนอร์ ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่ง ทั่วประเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LS ใหม่
ได้ที่ผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ... 
www.lexus.co.th
www.lexussociety.com
www.facebook.com/lexussociety

เชิญสัมผัสตัวจริง เลกซัส LS ใหม่ ใน งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอกซ์โป ครั้งที่ 34 ได้ตั้งแต่ วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ที่ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ เลกซัส LS ใหม่
 ที่สุดของประสบการณ์แห่งอนาคตด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวเร้าใจ
ด้วยเส้นสายภายนอกที่พริ้วไหวและห้องโดยสารภายในที่โอ่โถงสะดุดตา ความงามแห่งนวัตกรรมที่หลอมรวมทักษะฝีมือช่างญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้านความปราณีตและพิถีพิถันพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไว้ด้วยกันเพื่อที่จะกำหนดนิยามใหม่แห่งยนตกรรมหรูระดับโลก ทำให้ เลกซัส LS ใหม่มีรูปลักษณ์ความเป็นรถคูเป้ที่ดุดัน บนพื้นฐานสถาปัตยกรรมการออกแบบรถหรูใหม่ล่าสุดของเลกซัส (Global Architecture for Luxury Vehicles: GA-L)

- โดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบ “โฉบเฉี่ยวเร้าใจ” (Sensual Aggressive) ตัวรถได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่พริ้วไหวสวยงามโดดเด่นสะกดทุกสายตาแต่แรกเห็นด้วยเอกลักษณ์ตัวถังรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ก่อให้เกิดสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น เกิดอัตลักษณ์สะท้อนสไตล์และบุคลิกที่คู่ควรกับการเป็นสุดยอดยนตกรรมระดับแนวหน้า
- ชุดไฟหน้าและไฟส่องสว่าง Ultra-small 3-eye Bi-Beam ผสมผสานการออกแบบขั้นสูงที่กระจายความสว่างได้อย่างยอดเยี่ยม ไฟ LED 16 ดวงที่อยู่ในไฟเลี้ยวส่องประกายสว่างเรียงทีละดวงจากมุมด้านในจนถึงด้านนอกของตัวรถ
- โคมไฟท้ายแบบ combination โคมไฟท้ายรวมถึงไฟบนฝากระโปรงหลังเป็นไฟ LED ทั้งหมด นอกจากนี้ไฟเลี้ยวยังส่องสว่างคมชัด

 ภายในผสานความหรูหราเข้ากับนวัตกรรมความสะดวกสบายเหนือระดับ
ด้วยการออกแบบตามแนวคิด “ความสบายเหนือระดับ” ห้องโดยสารจึงออกแบบให้มีพร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านความสะดวกสบายสูงสุด สมกับที่เป็นยนตกรรมหรูระดับแนวหน้าที่มาเพื่อเสริมสร้างสุนทรียตลอดการเดินทางอย่างมีคุณภาพ พร้อมห้องโดยสารที่ปราณีตและไม่เหมือนใครเต็มไปด้วยกลิ่นอายศิลปกรรมที่พิถีพิถันตามแบบฉบับของความเป็นญี่ปุ่น ดึงดูดใจเมื่อได้เห็น
- Hands-free power trunk lid แม้ว่าจะถือสัมภาระเต็มมือ เพียงแค่มีกุญแจไฟฟ้า ก็สามารถเปิดปิดฝากระโปรงท้ายได้อย่างอัตโนมัติ โดยแค่ขยับเท้าบริเวณใต้กันชนด้านหลังเท่านั้น
- เบาะนั่งตอนหลังควบคุมด้วยไฟฟ้าปรับ 22 ทิศทาง และพนักวางขาไฟฟ้า เบาะนั่งตอนหลังควบคุมด้วยไฟฟ้าใช้มอเตอร์ผสานกับระบบนิวเมติกที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยระบบสามารถสูบลมเข้าออกถุงลมเพื่อปรับองศาเก้าอี้ได้ในทุกมุม เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดเบาะนั่งหลังด้านซ้ายสามารถปรับพื้นที่วางขาสูงสุดได้ถึง 1020 มม. มาพร้อมกับพนักวางขาไฟฟ้าที่ช่วยรองรับช่วงขาด้านล่างทำให้ผู้นั่งผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
- ระบบความบันเทิงของเบาะนั่งตอนหลัง ประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว 2 หน้าจอ ปรับตำแหน่งอัตโนมัติให้สอดคล้องกับตำแหน่งของเบาะนั่งเพื่อให้เห็นหน้าจอชัดเจน พร้อมด้วยเครื่องเล่นแผ่น Blu-ray ช่องใส่ SD card และสายต่อ HDMI ที่จะให้คุณเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ทั้งยังเพลิดเพลินไปกับวิดีโอ ดนตรี และสื่อบันเทิงที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือได้โดยใช้ Miracast หรือ DLNA (Digital Living Network Alliance)
- ระบบนวดผ่อนคลายพร้อมฟังก์ชั่นกดจุดแบบร้อน (เบาะที่นั่งด้านหลังซ้ายและขวา) ระบบถุงลมที่ติดตั้งภายในเบาะที่นั่งและพนักพิงจะพองลมเพื่อนวดหลังและต้นขาของผู้นั่ง นอกจากนั้นยังสามารถทำความร้อนเพื่อเพิ่มความสบายตัวผ่อนคลาย โดยสามารถเลือกโปรแกรมสำหรับการผ่อนคลายทั่วร่าง (Full Body Refresh, Full Body Stretch และ Full Body Simple) หรือผ่อนคลายเฉพาะส่วน (ร่างกายส่วนบน ร่างกายส่วนล่าง ไหล่และสะโพก) รวม 7 โปรแกรม
- แผงควบคุมอเนกประสงค์ด้านหลังแบบสัมผัส จัดวางอยู่ในที่วางแขนตรงกลางเบาะหลังให้คุณควบคุมเสียงเพลง ระบบปรับอากาศ เก้าอี้และฟังก์ชั่นผ่อนคลาย ม่านกันแดดและไฟได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว
- ระบบเสียงรอบทิศทาง Mark Levinson QLI ระบบเสียงสามมิติ 16 ช่องทาง พร้อม ลำโพง 23 และเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทาง QLI (Quantum Logic Immersion) เติมเต็มห้องโดยสารด้วยเสียงคุณภาพคมชัด โอบล้อมผู้ฟังด้วยเสียงสมจริงเป็นธรรมชาติพร้อมตำแหน่งของเสียงที่แม่นยำ มีมิติชัดเจน
- ม่านบังแดดไฟฟ้า ม่านบังแดดไฟฟ้าบริเวณบานหน้าต่างหลังจะปิดกระจกทั้งสองด้านเต็มทั้งบาน อีกทั้งบริเวณหน้าต่างบานเล็กด้านหลังซึ่งมีม่านบังแดดไฟฟ้าจะเปิดปิดสอดคล้องกับม่านบังแดดหน้าต่างหลังเพื่อสร้างความเย็นสบายและเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับเบาะโดยสารด้านหลัง
- เบาะนั่งตอนหน้าไฟฟ้าปรับ 28 ทิศทาง ระบบนิวเมติกที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระทุกส่วนของร่างกายอย่างพอดี เบาะรองไหล่ช่วยเสริมการขับขี่ สร้างความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียวกับรถ นอกจากนั้นเบาะยังช่วยรองรับสะโพกช่วงหลังเป็นพิเศษ เพื่อรักษาสรีระระหว่างเบรกและเข้าโค้ง รวมถึงเบาะรองรับด้านข้างช่วยกระชับให้ร่างกายทรงตัวนิ่งในช่วงเข้าโค้ง
- ปุ่มควบคุมการสั่งการแบบสัมผัส ออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายดายแบบสมาร์ทโฟนเพียงนิ้วสัมผัส โดยผู้ใช้สามารถลากนิ้วเข้าออกทำให้ขยายหรือย่อหน้าจอได้อย่างต่อเนื่องและเลื่อนอย่างง่ายดายเพื่อเลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการ
- ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะ สร้างความสบายเหนือระดับให้กับผู้นั่ง ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะสามารถตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้นั่งแต่ละคน ด้วยเซนเซอร์วัดแสงอินฟราเรด ปรับความสบายให้เหมาะสมกับผู้นั่งโดยทันที ทั้งนี้ยังตรวจจับแสงอาทิตย์ในช่วงเช้าและช่วงพลบค่ำเพื่อควบคุมอุณหภูมิในรถให้ความสบายอย่างต่อเนื่อง
- ระบบถุงลมช่วงล่างควบคุมไฟฟ้า ( พร้อม access mode) นอกจากฟังก์ชั่นปรับความสูงของรถที่ปรับเป็นแบบ Normal และ High ได้แล้ว โหมด access จะช่วยยกตัวรถขึ้นอัตโนมัติเมื่อผู้โดยสารต้องการขึ้นหรือลง ทำให้การเข้าออกเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น 
- ระบบเบาะยกตัวเลื่อนรองรับอัตโนมัติ (Power easy access system) ทำให้การเข้าออกจากรถเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้นระบบยกเบาะอัตโนมัติจะยกตัวเบาะนั่งขึ้นเมื่อผู้ขับขี่ออกจากรถ และจะคืนตำแหน่งเดิมเมื่อผู้ขับขี่ขึ้นรถ เบาะเสริมด้านข้างจะเปิดเบาะด้านนอกออกเพื่อลดการกดทับที่บริเวณต้นขาในขณะที่ขึ้นและลงรถ



 เครื่องยนต์รุ่นใหม่ รื่นรมย์และเร้าใจ
อัตราเร่งความเร็วนุ่มนวลเป็นจังหวะเพื่อตอบสนองความรู้สึกของผู้ขับขี่ เข้าใจความต้องการของผู้ขับขี่ทันที ควบคุมการทรงตัวให้เข้าโค้งอย่างมั่นใจ ลักษณะการขับขี่โฉมใหม่และตัวถังรถที่พัฒนามาอย่างสมบูรณ์ทำให้การขับขี่รื่นรมย์อย่างที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน
- ขุมพลังแห่งการขับเคลื่อน เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

 LS 500 - เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จคู่ V6 ขนาด 3.5 ลิตร (V35A-FTS)
เครื่องยนต์หลักได้รับการออกแบบใหม่พิเศษเฉพาะเลกซัส มาพร้อมเทคโนโลยีเผาไหม้ความเร็วสูง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ประสิทธิภาพสูงสร้างขุมพลังชั้นยอดและใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า เครื่องยนต์สร้างแรงบิดสูงสุดโดยเริ่มจากรอบต่อนาทีต่ำสุด ได้อัตราเร่งที่ทรงพลังเมื่อเหยียบคันเร่ง จับคู่ร่วมกับเกียร์ Direct Shift-10AT ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นจังหวะและตอบสนองความสุขในการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม

 LS 350 - เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร (8GR-FKS)
เครื่องยนต์ Dual VVT-i (ด้านไอดี VVT-iW) มาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลัง สร้างแรงบิดสูงในอัตราการเร่งความเร็ว กระเดื่องวาล์วน้ำหนักเบาและโซ่ราวลิ้นแรงเสียดทานต่ำเพิ่มสมรรถนะการเร่งเครื่องยนต์ ระบบ Stop & Start ช่วยเสริมให้ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแบบ D-4s ใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น

 LS 500h - เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร (8GR-FXS)
เครื่องยนต์ V6 ของระบบไฮบริดผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงที่รวมเครื่องยนต์ Dual VVT-i (ด้านไอดี VVT-iW) และระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง D-4S เข้าไว้ด้วยกัน น้ำหนักเบาช่วยให้การขับขี่ทรงพลังและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น การลดการสูญเสียความฝืดในเครื่องยนต์ช่วยเร่งความเร็วสูงสุด จาก 6000 เป็น 6600 รอบต่อนาที

 ระบบ Multi Stage Hybrid System
การควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ 10 ระดับ ของระบบ Multi Stage Hybrid System ทำให้รู้สึกว่ารถเร่งเร็วขึ้นทันทีที่เร่งรอบเครื่องยนต์ ทั้งยังทำให้เปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้ยอดเยี่ยม อุปกรณ์เปลี่ยนเกียร์ Multi Stage Shift Device สลับใช้อัตราเร่งระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ช่วยเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์และเพิ่มแรงขับขี่อีก 24% โดยใช้ประโยชน์ความเร็วของเครื่องยนต์ที่หลากหลายจากความเร็วต่ำไปจนถึงความเร็วสูง ควบคุมความแรงของเครื่องยนต์ถึงขีดสุดตั้งแต่ 50 กม./ชม. ทั้งยังขับขี่ได้รวดเร็วแม้จะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำเพื่อการขับขี่ที่เงียบสงบ

- ตัวถังรถทำจากวัสดุหลากหลาย เพื่อให้ตัวถังรถแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา และปลอดภัยเป็นเลิศ จึงใช้ประโยชน์จากโครงรถเหล็กกล้าทนแรงดึงสูงเพื่อสร้างองค์ประกอบตัวถังรถที่สำคัญ เช่น แผงบันได โครงเสาตัวกลางและหลังคา เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงรถและโมเมนต์ความเฉื่อยจึงใช้อลูมิเนียมทำเป็นโครงรถติดตั้งไว้ห่างจากจุดศูนย์ถ่วงรถ ฝากระโปรงรถ ฝากระโปรงท้าย บังโคลน ประตู แท่นรองรับทำให้ตัวถังรถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
- รูปแบบการวางเครื่องยนต์ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง เลกซัส LS ใช้ประโยชน์จากแพลทฟอร์ม FR ที่เลกซัสปรับปรุงใช้กับเลกซัส LC เพื่อกระจายน้ำหนักจากด้านหน้ามายังด้านหลังได้เต็มที่ ทำให้เกิดมิติการขับขี่ที่นิ่งและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยการวางตำแหน่งผู้ขับให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และจัดวางให้สะโพกของผู้ขับขี่อยู่ใกล้ศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของรถช่วยลดระยะห่างระหว่างผู้ขับขี่กับแกนแรงเหวี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถมั่นใจตลอดการขับขี่
- ระบบกันสะเทือน ระบบกันสะเทือนหน้าใช้น้ำมันที่มีความเสียดสีต่ำช่วยดูดซับแรงกระแทกเพื่อช่วยสร้างความสบายในการขับขี่ การใช้ลูกหมากแบบเพลายื่นในระบบกันสะเทือนด้านหลังทำให้การขับขี่มั่นคงและความสบายตัว
- VDIM (การควบคุมการบังคับพวงมาลัยแบบผสมผสาน) VDIM เป็นระบบประมวณผลโดยรวมของการควบคุมเครื่องยนต์ เบรก การบังคับทิศทางและฟังก์ชั่นอื่น ๆ อาทิ EPS และ TRC ให้ทำงานพร้อมกันอย่างลงตัว เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และเสริมสร้างความพึงพอใจในการขับขี่
- โหมดเลือกการขับขี่ ช่วยให้คุณควบคุมระบบต่าง ๆ ง่ายแค่ปลายนิ้ว คุณสามารถปรับแต่งสมรรถนะให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของตัวเอง โดยเลือกได้ห้าโหมดได้แก่ โหมด Normal, Eco, Comfort, Sport S, และ Sport S+ นอกจากนี้โหมดปรับแต่งอิสระ (Customize) ยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระบบส่งกำลังรถยนต์ โครงสร้างตัวถังรถ และระบบปรับอากาศได้ตามที่ต้องการ

 มั่นใจยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก
ระบบความปลอดภัยของเลกซัส Lexus Safety System+ ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ล้ำหน้า ได้แก่
- Pre-Collision System เมื่อสัญญาณเรดาร์และกล้องหน้าตรวจจับได้ว่ารถมีแนวโน้มที่จะเกิดการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนคนขับและสั่งการตัวช่วยเบรกก่อนชนเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรก ถ้าผู้ขับขี่ไม่สามารถเหยียบเบรกได้ ก็จะสั่งการใช้งานเบรกก่อนชนโดยอัตโนมัติ
- Dynamic Radar Cruise Control นอกจากรักษาระดับความเร็วให้เสถียรแล้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะใช้เรดาร์และเซนเซอร์กล้องเพื่อตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้าและรักษาระยะห่างระหว่างรถให้พอดีด้วยความเร็วคงที่
- Lane Keeping Assist (LKA) ระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่งจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่โดยสั่นที่พวงมาลัย และขึ้นที่หน้าจอแสดงผลถ้าระบบประเมินว่าตัวรถยนต์กำลังจะข้ามเส้นแบ่งช่องจราจรโดยที่ไม่เปิดไฟเลี้ยว และช่วยประคองไม่ให้รถออกนอกเส้นแบ่งช่องจราจร
- Two-Stage Adaptive High Beam System (AHS) เมื่อระบบตรวจพบว่ามีรถยนต์เข้ามาในรัศมีที่เปิดไฟสูง ระบบจะเปิดปิดไฟ LED ไฟสูง 8 ดวง และไฟต่ำ 16 ดวง ในแต่ละข้าง เพื่อกันไม่ให้ไฟสูงจากหน้ารถสาดไปยังรถที่วิ่งสวนมา วิธีนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจนโดยส่องไฟไปยังป้ายจราจรและวัตถุอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้ารถ โดยไม่ทำให้รถคันอื่นแสบตา
- Panoramic View Monitor หน้าจอแสดงผลให้ผู้ขับขี่เห็นรถคันอื่นได้ชัดเจน โดยแสดงผ่านหน้าจอ EMV (Electro Multi-Vision) ขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบรถที่เห็นไม่ชัดในขณะนั้น
- Automatic Rear Seat Reclining เมื่อไม่มีผู้โดยสารนั่งเบาะหลัง ระบบจะปรับเอนเบาะสอดคล้องกับการเข้าเกียร์ ทั้งยังปรับเบาะให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่มองกระจกหลังได้ทัศนวิสัยกว้างขึ้น

 

Visitors: 1,493,038