บิดสะท้านแทร็ค ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คว้าแชมป์ ซูซูก้า 4 ชั่วโมง ผงาดโพเดียมคว้าแชมป์สุดยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์

ทัพนักบิดไทยทีมสังกัด YAMAHA THAILAND RACING ตี-อนุภาพ ซามูล, ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ และ เบิร์ด-ประวัติ ญาณวุฒิ ผนึกกำลังผสานร่วมใจเป็นหนึ่ง ประกาศกร้าวโชว์ฟอร์มสุดแกร่ง ผงาดครองบัลลังก์แชมป์เอ็นดูร้านซ์ รายการ Suzuka 4 Hours อย่างสุดเกรียงไกร ด้วยการสยบนักบิดซามูไร และกองทัพนักบิดทั่วเอเชียด้วยฟอร์มการขับขี่ที่เหนือชั้น ก่อนกระชากคันเร่งรถแข่งคู่ใจยามาฮ่า YZF-R6 ลายธงชาติไทย หมายเลข 99 ทะยานเข้าเส้นชัยรับธงตราหมากรุกได้สำเร็จเป็นคันแรก ผงาดยืนโพเดี้ยมอันดับที่ 1 พร้อมนำธงชาติไทยโบกสะบัดเหนือดินแดนซามูไรอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยผลงาน 83 รอบ ในเกมสุดทรหด 4 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งเป็นเกมซัพพอร์ตเรซในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบเอ็นดูร้านซ์ชิงแชมป์โลกรายการ Suzuka 8 Hours ซึ่งจัดขึ้น ณ สนามซูซูก้า เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น 

ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เริ่มต้นเกมซูซูก้า เอ็นดูร้านซ์ 4 ชั่วโมงได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นไม่ถึง 3 นาที ก็มีสายฝนโปรยปรายจนทำให้ กรรมการผู้จัดการแข่งขันตัดสินใจ ตีธงแดง และประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปประมาณ 15-20 นาที โดยให้ทีมแข่งทุกทีมนำรถเข้ามาเปลี่ยนยางเป็นยางฝน และให้นักแข่งทุกคนกลับเข้าไปพร้อมกันที่กริดสตาร์ทอีกคครั้ง และก่อนเกมจะเริ่มไม่กี่นาที ฝนก็ได้หยุดตกแต่แทร็คก็ยังคงเปียกชื้นอยู่มาก การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้นเมื่อกรรมการสนามตีธงเริ่มสัญญาณ นักแข่งมือหนึ่งของทุกทีมต่างวิ่งออกจากจุดเริ่มต้นเพื่อมุ่งไปยังรถแข่งเพื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ ตี-อนุภาพ ซามูล ทำได้ดีเยี่ยมถึงรถแข่งยามาฮ่า YZF-R6 ได้อย่างรวดเร็ว และนำรถแข่งออกจากจุดสตาร์ท โดยเมื่อขยับมาถึงโค้งแรก ตี-อนุภาพ ก็ขยับอยู่ในตำแหน่งที่ 2 โดยตี-อนุภาพ พยายามขับขี่ควบคุมเวลาของตนเองเอาไว้ท่ามกลางแทร็คที่เริ่มแห้งมากขึ้น จนถึงรอบที่ 12 ตี-อนุภาพก็ขยับแซงนักแข่งทีม Astra Honda Racing Team หมายเลข 7 ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ และเมื่อผ่านเข้ารอบที่ 17 ตี-อนุภาพ ก็นำยามาฮ่า YZF-R6 มุ่งหน้าเข้าพีทเมื่อทีมส่งสัญญาณให้นำรถเข้ามาเปลี่ยนยาง และเติมน้ำมันรวมถึงเปลี่ยนให้นักแข่งมือสองของทีมคือ ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ ลงขับขี่ต่อ



ทีมเซอร์วิสยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ใช้เวลาในการเปลี่ยนยางคู่ใหม่ซึ่งเป็นยางสลิคอย่างเต็มความสามารถ แม้จะเสียเวลาไปพอสมควร แต่ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ นำยามาฮ่า YZF-R6 ลงสนามอีกครั้ง แม้อันดับจะหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 3 แต่ต๋ง-พีรพงศ์ ก็ใช้เวลาไม่นานแซงทีม AKENO SPEED YAMAHA (74) และขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 จากนั้นก็เปิดเกมไล่กดดันคู่แข่งทีม Manual-Tech Kawasaki (108) โดยพยายามทำเวลายืนระยะได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนผ่านชั่วโมงที่สอง ในรอบที่ 39 ตี-อนุภาพ ซามูล ก็ได้กลับลงสนามอีกครั้ง และเมื่อผ่านชั่วโมงที่สอง อยู่ในอันดับที่ 2 ตามหลังคู่แข่งถึง 33.910 วินาทีก็ตาม แต่ดูเหมือนจะมีโชคเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่ชั่วโมงที่ 3 มีรถแข่งประสบอุบัติเหตุจนทำให้กรรมการต้องส่งรถเซฟตี้คาร์ลงสนาม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประจำโค้งเคลียร์รถแข่งที่ประสบอุบัติเหตุ แต่ปรากฏว่ารถแข่ง Manual-Tech Kawasaki ตัดสินใจผิดพลาดนำรถกลับเข้าพีทเพื่อทำการเติมน้ำมัน แต่กรรมการไม่ให้ต้องนำรถกลับไปรอที่ปากทางพีท และวิ่งต่อท้ายขบวน ส่งผลให้อนุภาพ ซามูล ขยับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแทน

จากนั้น ตี-อนุภาพ ซามูล ก็นำยามาฮ่า YZF-R6 หมายเลข 99 ทะยานเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องในชั่วโมงที่ 3 โดย ตี-อนุภาพ วิ่งอยู่ในสนามถึง 22 รอบก่อนกลับมาให้ต๋ง-พีรพงศ์ ออกมาขี่ในช่วง 50 นาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงตัดสินแชมป์ ต๋ง-พีรพงศ์ อยู่ในอันดับที่ 2 ก่อนเปิดเกมความนิ่ง และการขับขี่ที่เร็วกว่าแซง ทีม AKENO SPEED YAMAHA (74) อีกครั้งทะยานสู่อันดับที่ 1 แต่ก็เกิดปัญหาด้านกติกาการแซงรถเซฟตี้คาร์ ทำให้ถูกเรียกเข้ามา Stop & Go 10 วินาที และเมื่อรวมระยะเวลาในการวิ่งอยู่ในพีทเลนก็ร่วม 40 กว่าวินาที ทำให้ตำแหน่งที่นำอยู่ในอันดับที่ 1 หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 3 แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นของ ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ ขยับแซง ทีม Astra Honda Racing Team (7) อีกครั้ง และทำเวลาต่อรอบได้ดีกว่า ผู้นำ AKENO SPEED YAMAHA (74) อยู่ถึง 3-5 วินาทีต่อรอบ จนมาถึงช่วง 15 นาทีสุดท้าย ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ ขยับขึ้นมาจ่อท้ายคู่แข่งชนิดหายใจรดต้นคอ และเมื่อถึง 6 นาทีสุดท้ายก่อนครบ 4 ชั่วโมง ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ ก็ขยับแซง AKENO SPEED YAMAHA (74) ที่ขับขี่โดยโดนี่ทาทา ปราดิตา นักแข่งอินโดนีเซียขึ้นไปเป็นผู้นำ พร้อมยืดระยะห่างออกจากคู่แข่ง ท่ามกลางเสียงเชียร์ดีใจของเหล่าแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวญี่ปุ่น ที่ไชโยโห่ร้อง และเชียร์อย่างสุดมันส์ และเมื่อครบ 4 ชั่วโมงของการแข่งขัน ทุกคนต่างลุ้นระทึก และเฝ้ารอให้ ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ ทะยานผ่านธงตราหมากรุก และเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ทุกคนในทีมงานยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ต่างส่งเสียงไชโยกันอีกครั้งเมื่อ พีรพงศ์ บุญเลิศ นำยามาฮ่า YZF-R6 ทะยานผ่านธงตราหมากรุก คว้าแชมป์ซูซูก้า 4 ชั่วโมงไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ เป็นชัยชนะครั้งแรกของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมในการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันซูซูก้า 4 ชั่วโมงเป็นครั้งแรก

บนโพเดี้ยมรับรางวัล นักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ขึ้นรับรางวัลในตำแหน่งแชมป์ซูซูก้า เอ็นดูร้านซ์ 4 ชั่วโมงท่ามกลางสื่อมวลชนช่างภาพของประเทศญี่ปุ่นต่างรุมถ่ายผู้ชนะกันอย่างมากมาย เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของทัพนักแข่ง และทีมงาน ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่สามารถลงทำการแข่งขันในรายการนี้เป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จกับการครองแชมป์ซูซูก้า 4 ชั่วโมงได้



ทั้งนี้ ตี-อนุภาพ ซามูล ได้กล่าวว่า “เป็นครั้งแรกของผมเป็นครั้งแรกของทีมเราที่มาแข่งขันในรายการนี้ เราประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ในรายการนี้ มีความรู้สึกแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจ ในช่วงของการแข่งขันถือเป็นเกมที่ท้าทายเพราะเป็นครั้งแรกของผมที่ต้องวิ่งสตาร์ท และไปเจอกับฝน ซึ่งในตอนนั้นมันกึ่งๆ ของฝนซึ่งฝนได้หยุดตกแล้วแทร็คก็ยังเปียก และชื้นอยู่ จนขี่ไปเรื่อยๆ แทร็คเริ่มแห้งยางเราก็ไปไม่ได้ เลยนำรถเข้ามาเปลี่ยนยาง พอลงขี่ครั้งที่สองผมมองว่าเราต้องควบคุมเวลาของเราตามที่เราทำการซ้อมไว้และที่เราคุยกันกับทีม ซึ่งเราเฉลี่ยเวลาได้ดีครับ ถือว่าเป็นเพอร์เฟร็คเรซมากครับ เราได้แชมป์ซูซูก้า 4 ชั่วโมงในการลงขี่ครั้งแรก มันยอดเยี่ยมมาก”

พีรพงศ์ บุญเลิศ ได้กล่าวหลังจบเกมว่า “ผมรู้สึกดีมากที่เป็นคนนำชัยชนะมาสู่ทีมในช่วงการขี่ชุดสุดท้าย แม้ว่าเราจะโดนโทษ Stop & Go ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายแต่ผมก็สามารถแซงคู่แข่งคืนมาได้ ช่วงนี้ผมคิดว่าเราต้องสู้เราต้องได้แชมป์ เราต้องเอาแชมป์กลับไปเมืองไทยให้ได้ครับ ช่วงที่เราใกล้เบอร์ 74 ผมมั่นใจมากว่าเราจะแซงได้ ซึ่งก็ทำสำเร็จในช่วง 5 นาทีสุดท้าย และผมจะต้องยืดคู่แข่งให้ชนะแบบใสๆ ให้ได้ ช่วงก่อนแข่งเรามองว่าเกมซูซูก้า 4 ชั่วโมงเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่เราจึงต้องทุ่มเท และผมก็เตรียมฟิตซ้อมร่างกายมาพอสมควร พอลงแข่งผมมองหน้าทุกคนผมต้องชนะให้ได้ ผมเต็มที่ในทุกรอบทุกรอบจนผมเป็นส่วนให้ทีมคว้าชัยชนะในครั้งนี้ครับ”

คุณธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงชัยชนะในการแข่งขันซูซูก้า 4 ชั่วโมงว่า “ มันไม่ใช่แค่ดีใจนะ แต่มันเป็นความภูมิใจที่เราเต็มไปด้วยศักยภาพที่เรารวมเป็นหนึ่งเดียวได้ จุดหนึ่งคือการพัฒนาของทีมงานรวมถึงนักแข่งมาถึงระดับที่ดีกว่าเดิม ดีใจที่เราสร้างผลงานที่นี่ในโอกาสที่รายการซูซูก้า 8 ชั่วโมงที่เป็นรายการใหญ่ครบรอบ 40 ปี ขอบคุณซูซูก้าที่มีรายการระดับโลกที่ให้เราได้มาทำการแข่งขัน ขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ส่งเสริม และสนับสนุนเรา สื่อทุกสื่อที่ช่วยกันเชียร์ และนำเสนอข่าวของเราครับ ขอบคุณครับ”

รอบควอลิฟาย

ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทำผลงานสุดยอดเยี่ยมในการควอลิฟายในเกมซูซูก้า เอ็นดูร้านซ์ 4 ชั่วโมง โดยสองนักแข่งของทีม นำโดย ตี-อนุภาพ ซามูล, ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ และ เบิร์ด-ประวัติ ญาณวุฒิ ผนึกกำลังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นำยามาฮ่า YZF-R6 คว้าตำแหน่งโพลโพซิชั่น หรือ ตำแหน่งสตาร์ทอันดับที่ 1 ด้วยเวลา 2’18.042 นาที โดยเกมการแข่งขันจะออกสตาร์ทในวันที่ 29 กรกฏาคม 2560

โดยในรอบของการควอลิฟายนั้น เริ่มต้นด้วยนักแข่งมือสองของแต่ละทีม โดยเริ่มทำการควอลิฟายเมื่อเวลา 13.15 – 13.35 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ ลงขับขี่รถยามาฮ่า YZF-R6 หมายเลข 99 ลงสนามท่ามกลางสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงเช้าที่มีสภาพฟ้าครึ้มมาเป็นแดดแรง และร้อนอบอ้าว แต่หาได้เป็นอุปสรรค์ของนักแข่งแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ กลับร้อนแรงยิ่งขึ้น ทำเวลาต่อรอบมาเป็นอันดับที่ 1 ตั้งแต่เริ่มต้น และรักษาตำแหน่งที่ 1 ไว้ได้ทั้งยังทำเวลาดีขึ้นกว่าเดิมในช่วงนาทีสุดท้าย กดเวลาไว้ที่ 2’18.426 นาที นำอันดับที่ 2 อยู่ถึง 0.437 นาที โดยการควอลิฟายในช่วงต่อไปจะเป็นของ ตี-อนุภาพ ซามูล ที่จะลงทำการควอลิฟายในช่วงเวลา 16.55 – 17.15 น.ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น

ต๋ง - พีระพงศ์ บุญเลิศ นักแข่งมือสองของทีม ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้กล่าวถึงการควอลิฟายไว้ว่า “ โดยรวมของการลงทำการควอลิฟายก็ถือว่า โอเคเลยครับ แม้จะมีอุปสรรค์นิดหน่อยตรงที่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป จากเมื่อเช้ามีเมฆ อากาศครึ้มๆ มาช่วงบ่ายกลับมีแดดแรง และพื้นแทร็คก็มีความร้อน ทำให้รถมีอาการสไลค์นิดหน่อย เวลาที่ได้คือ 2 นาที 18.426 นาที เป็นเวลาที่ทำได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ลงขี่มา อีกทั้งยางที่ลงเป็นยางใหม่ด้วย ก็ถือว่าโดยรวมเราโอเคเลย ฝากแฟนๆติดตามเชียร์ผมกับตีอนุภาพ รวมถึงทีมของเรา ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมด้วย ในการแข่งขัน ซูซูก้า 4 ชั่วโมงในครั้งนี้ครับ”



ในขณะที่ ตี-อนุภาพ ซามูล นำยามาฮ่า YZF-R6 หมายเลข 99 คันเดียวกันกับ ต๋ง พีระพงศ์ บุญเลิศ ลงทำการควอลิฟาย ในช่วงเวลา 15.55-16.15 น.ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางสภาพอากาศที่ต่างจากพีรพงศ์ บุญเลิศ แต่ด้วยสมรรถนะของยามาฮ่า YZF-R6 ทำให้ตี-อนุภาพ ซามูล วิ่งทำเวลาดีที่สุดไว้ที่ 2’17.658 นาที ซึ่งก็เพียงพอต่อการนำ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คว้าตำแหน่งโพลโพซิชั่น หรือ ออกสตาร์ทอันดับที่ 1 ในการแข่งขัน ซูซูก้า เอ็นดูร้านซ์ 4 ชั่วโมง โดยทำเวลาเฉลี่ยไว้ที่ 2’18.042 นาที

ทั้งนี้ ตี-อนุภาพ ซามูล ได้กล่าวว่า “ การควอลิฟายในช่วงเย็นวันนี้เราวางแผนว่า เราจะทิ้งท้ายกลุ่มเพื่อที่เราจะทำการควอลิฟายครับ ถือว่าเราทำได้ดีในเวลาที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีคือตำแหน่งที่ 3 พร้อมเวลาที่ทำได้คือ 2 นาที 17.658 วินาที พอเฉลี่ยเวลามาเราได้ตำแหน่งโพลโพซิชั่น คือออกสตาร์ทในอันดับที่ 1 ในวันพรุ่งนี้ ถือว่าเราก็ประสบความสำเร็จไปในระดับหนึ่ง ซึ่งพรุ่งนี้ก็ถือเป็นงานที่ท้าทายที่เราจะต้องก้าวไปด้วยกัน วันนี้ผมมีความผิดพลาดนิดนึงในด้านรายละเอียดในการขี่โค้งเอสสุดท้าย แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคครับ เมื่อเอาเวลาทั้งของผมกับของ ต๋ง-พีรพงศ์ มารวมกันแล้ว สำหรับพรุ่งนี้เราวางแผนว่าเราจะขี่ประคองเกมให้ยางเหลือให้มากที่สุด โดยเราจะใช้เทคนิคการขี่ที่นุ่มนวล เพื่อที่จะรักษาสภาพยางให้พอกับชั่วโมงสุดท้าย เพื่อให้เราขี่ได้สบายขึ้นในช่วงท้ายครับ ฝากแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยช่วยกันเชียร์ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทั้งผมและต๋ง และทีมงานทุกๆ คนด้วยครับ”

ส่วนทางด้านคุณธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้กล่าวว่า “ภาพรวมของทีมเราในด้านของรถแข่งถือว่ารถยามาฮ่า YZF-R6 ของเรามีความสมบูรณ์สูงมาก นักแข่งทั้งสองคนทั้ง ต๋ง-พีรพงศ์ ทำได้ดี ใจของต๋งกลับมาเยอะ ดีกว่าในช่วงตอนซ้อมเยอะมาก ซึ่งเมื่อเช้าต๋งจบเวลาอยู่ที่ 2 นาที 18.4 วินาที ส่วน ตี-อนุภาพก็ขี่อยู่ที่ 2 นาที 17.6 วินาที ค่าเฉลี่ยของทั้งสองคนมารวมกัน เราได้ตำแหน่งที่ 1 ในการออกสตาร์ท โดยทำเวลาไว้ที่ 2 นาที 18.042 วินาที แม้จะมีความต่างกันเล็กน้อยของสองนักแข่งแต่กลายเป็นพลังที่ดีมาก ภาพรวมความผิดพลาดถือว่าไม่มี เราเชื่อว่าสิ่งที่เราฝึกมาซ้อมมา และการวางแผนที่ดี พรุ่งนี้เราจะทำเกมได้ดี กำลังใจทุกคนของทีมดีมาก เหลือแต่เรื่องการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่เราต้องดูในด้านความเหมาะสม เราจะไม่ทำอะไรเกินความจำเป็น เราเป้าหมายของแต่ละช่วงเวลาที่เหมาะสม เรามีการเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว และเราจะต้องดูรายละเอียดต่างๆ กันอีกครั้งเพื่อเป็นการรีเช็คครั้งสุดท้ายเพื่อให้สมบูรณ์สุดครับ”

Visitors: 1,493,201