ทดลองระบบ G-Vectoring Control พระเอกใหม่ใน Mazda3 รุ่นปรับโฉม

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จัดการทดลองรถยนต์รุ่นปรับโฉม มาสด้า3 ใหม่ บนเส้นทางกรุงเทพ – เขาใหญ่ พร้อมเนรมิตแทรกแรนโช ชาญวีร์เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัส และทดลองระบบใหม่อย่าง GVC หรือ G-Vectoring Control และระบบ MRCC หรือ Mazda Radar Cruise Control

มาสด้า3 ใหม่ ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง

เริ่มที่มุมมองด้านหน้ากระจังหน้าใหม่และ signature wing โฉมใหม่ใช้ไฟ LED ให้ความรู้สึกที่ดุดันแต่เคร่งขรึมกว่าเดิม ในรุ่นก่อนนั้นจุดเน้นคือการเคลื่อนไหวในแนวนอนและท่วงทำนองของดีไซน์รูปตัววีของ ส่วนการปรับโฉมครั้งนี้เน้นรูปลักษณ์แนวนอนที่ให้ความรู้สึกกว้างขึ้น และฐานล้อที่ต่ำลงให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าเดิม ด้านโลโก้แบรนด์และแผ่นป้ายทะเบียนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงเพื่อสะท้อนถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าเดิม ไฟตัดหมอกล้อมกรอบสีโครเมียมสอดรับกับกันชนหน้า ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง กว้าง และรู้สึกถึงสมรรถนะที่คล่องตัว

ไฟหน้า LED ดวงไฟดูมีมิติมีองศากว้างขึ้นช่วยแสดงถึงการเคลื่อนไหวออกไปทางซ้ายและขวา ความกลมกลืนกันของมุมด้านนอกของ Signature Wing และตัวรถที่เส้นสายพุ่งสู่ด้านท้ายของตัวรถ ทำให้รู้สึกราวกับว่ารถมีการเคลื่อนไหวจากด้านหน้าสู่ด้านหลัง

มุมมองด้านท้าย ในรุ่น Hatchback ให้อารมณ์ความรู้สึกเดียวกับด้านหน้าจากการที่มีเส้นสายวิ่งจากด้านหน้าสู่ด้านท้ายของรถ จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และฐานล้อที่กว้าง กันชนหลังแบบใหม่ให้ความรู้สึกมั่นคงและเปี่ยมคุณภาพ ส่วนกันชนท้ายของรุ่น Sedan นั้นมีจุดมุ่งหมายที่จะรักษาสมดุลที่ดีกับดีไซน์ด้านหน้า

ล้อดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว แนวเส้นของก้านพุ่งตรงไปในทิศทางเดียวช่วยเน้นเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่ มี 2 สีให้เลือกคือ สีเข้มเคลือบประกายสะท้อนที่ให้ความรู้สึกถึงรสนิยมหรูหราลุ่มลึก และขนาด 16 นิ้วมาพร้อมสีเงินมาตรฐานและดีไซน์เดิม

สีภายนอกมีทั้งหมด 7 สี. รวมถึง 3 สีใหม่ คือ สีเทาเมเทออร์เกรย์ สีดำเจ็ทแบลค และสีน้ำเงิน เอเทอร์นัล บลู สีอื่นๆ คือ สีแดงโซลเรด ไททาเนียมแฟลช สีขาวมุกสโนว์เฟลก และเทาอลูมินัม เมทัลลิก

ด้านรูปลักษณ์ภายในและประโยชน์ใช้สอย ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ความรู้สึกที่สปอร์ตขึ้น แผงควบคุมที่แผ่ไปถึงที่นั่งผู้โดยสารมีรูปทรงที่เก๋ไก๋ขึ้น มีมิติมากขึ้น และกรอบแผงประตูด้านในก็มีดีไซน์ที่เฉียบคมกว่าเดิม กว้าง สร้างความรู้สึกว่ามีการแผ่ออกไปทางด้านซ้ายและขวาจากจุดศูนย์กลางของแผงควบคุมและเชื่อมโยงไปถึงแผงประตูทั้งสองด้าน นอกจากนี้ แผงประตูและที่จับประตูด้านในเป็นสีเทามีประกายทำให้เกิดการตัดกันระหว่างแผงเครื่องปรับอากาศตกแต่งกรอบสีซาตินโครม ด้ามจับประตูด้านในที่เป็นสีเมทัลลิกช่วยให้ความรู้สึกเปี่ยมด้วยคุณภาพมากกว่าเดิม

หน้าจอ Center Display และแผงควบคุมเกิดจากพื้นที่ที่กว้างขวางและลาดต่ำ การเดินตะเข็บสองเส้นในบริเวณที่ใช้บุวัสดุอ่อนนุ่ม เช่น แผงประตู เพื่อเน้นความอ่อนนุ่มและคุณภาพแบบสามมิติของวัสดุเพื่อเพิ่มคุณภาพของห้องโดยสารภายในโดยรวม มาสด้า3 ใหม่มาพร้อมเบรกมือไฟฟ้าและกล่องเก็บสัมภาระดีไซน์ใหม่ที่ไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับด้ามเบรคมืออีกต่อไป ปุ่ม Center Commander และสวิตช์ควบคุมที่เกี่ยวข้องถูกจัดวางไว้กึ่งกลาง กล่องเก็บสัมภาระหุ้มด้วยวัสดุอ่อนนุ่มพร้อมเดินตะเข็บคู่ รูปทรงสะอาด ประณีตช่วยขับเน้นความรู้สึกถึงความเร็วภายในห้องโดยสาร

พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ใช้หนังแท้หุ้มตามแบบมาสด้าซีเอ็กซ์-9 แกนกลางที่เล็กลงแต่ยังคงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเดิม ช่วยให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลแต่กระชับเหมาะมือ กรอบสีซาตินโครมที่บางขึ้นบนก้านพวงมาลัยที่กดต่ำลงช่วยเน้นโครงสร้างของพวงมาลัย ความแข็งแกร่ง ผิวสัมผัสชั้นดีและความประณีตบรรจงของงานฝีมือได้ถูกควบรวมไว้ในการออกแบบครั้งนี้ เมื่อผนวกรวมกับกรอบสีซาตินโครมรอบแผงสวิตช์ก็ทำให้ดีไซน์ดูมีสไตล์มากกว่าเดิม

พวงมาลัยใหม่นั้นมีการปรับปรุงดีไซน์และการใช้งาน ให้ความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อบังคับรถ โดยการศึกษาค้นคว้าด้านสรีระเพื่อศึกษาการจับพวงมาลัยของผู้ขับ และหารูปทรงของพวงมาลัยที่กระชับเหมาะมือที่สุด วิเคราะห์และทดสอบมาอย่างมากเพื่อการจับพวงมาลัยนั้นมีผลต่อการขับรถอย่างไรบ้าง จนได้มาซึ่งรูปทรงและความสบายที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด ที่จับด้านซ้ายและขวาของก้านพวงมาลัยนั้นบางลงทำให้บังคับพวงมาลัยได้เหมาะมือมากขึ้นและสามารถสอดนิ้วกลางและนิ้วก้อยมาด้านหน้าพวงมาลัยได้ถนัดมือ รูปทรงของสันพวงมาลัยได้รับการปรับแต่งเพื่อให้จับกระชับมือมากขึ้น โดยเฉพาะตรงจุดรับนิ้วโป้งที่จัดวางให้นิ้วโป้งอยู่ด้านบนพอดีเมื่อจับพวงมาลัย จุดตัดด้านหลังที่รองรับนิ้วอื่นๆก็ให้สัมผัสกระชับมือในแบบเดียวกัน ช่วยให้ฝ่ามือสัมผัสกับพวงมาลัยได้อย่างนุ่มนวลเมื่อหมุนพวงมาลัย

ภายในมีทั้งแบบผ้าสีดำชนิดใหม่ และเบาะหนังสีดำให้เลือก โดยเบาะหนังสีดำมาพร้อมเฉดสีแดงเข้มที่ออกแบบใหม่ การใช้สอยที่มากกว่าเดิม ให้ความสะดวกสบายมากขึ้น

เบรกมือไฟฟ้า Electric Parking Brake (EPB) ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายด้วยสวิตซ์ควบคุมบนคอนโซลกลาง ดึงสวิตซ์เข้าเพื่อเปิดใช้งานเบรกมือ และกดสวิตซ์หรือเหยียบคันเร่งเพื่อปลดเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทรถ

หน้าจอสกรีนใส Active Driving Display และมาตรวัดที่ชัดเจนอ่านง่ายกว่าเดิม ถูกอัพเกรดใหม่เป็นหน้าจอสีที่เพิ่มความสว่าง ความคมชัดมากกว่าเดิม สัญญาณเตือนต่างๆจะเป็นสีแดงและเหลืองอำพัน แสดงข้อมูลได้ราบรื่นขึ้นและมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม สามารถอ่านข้อมูลได้แม้เพียงปรายตามองในทุกเวลาและสภาพอากาศ
รูปทรงมาตรวัดและหน้าจอแสดงผลต่างๆอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หน้าจอ LCD ทั้งด้านซ้ายและขวาใช้ VA แบบใหม่ที่ให้ความคมชัดมากกว่าและมุมมองที่กว้างกว่า การปรับแต่งเพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยรวมถึงดีไซน์ใหม่ของตัวอักษรที่มีรูปร่างแบนแต่ขนาดใหญ่ขึ้นบนมาตรวัดแบบอนาล็อก เมื่ออยู่รวมกับตัวอักษรของหน้าจอแสดงผลแล้วก็ช่วยให้อ่านง่ายขึ้น

เพิ่มขนาดที่ใส่สัมภาระข้างประตู ความยาวของที่เก็บสัมภาระข้างประตูหน้าเพิ่มจากรุ่นก่อนที่มีขนาด 145 มม. มาเป็น 400 มม. ทำให้สามารถบรรจุของชิ้นใหญ่ขึ้นได้ เช่น ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร ที่ขูดน้ำแข็งหรือแผ่นซีดี เพิ่มฝาปิดที่วางแก้วน้ำคอนโซลกลางช่วยป้องกันเครื่องดื่มไม่ให้หกเลอะ หรือเกิดเสียงดังอันเนื่องจากการสั่นสะเทือน

รู้จักระบบ GVC กันก่อน

จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล (GVC) เปิดตัวเป็นครั้งแรกในมาสด้า3 ใหม่ นับเป็นเทคโนโลยีแรกภายใต้ซีรีส์ใหม่ สกายแอคทีฟ-วีฮิเคิล ไดนามิกส์ มาสด้าพยายามเสาะแสวงหาการเปลี่ยนผ่านของแรงจีที่ราบรื่นที่สุดเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นในจังหวะเบรก เลี้ยว หรือเร่งความเร็ว เนื่องจากนี่คือองค์ประกอบสำคัญของ จินบะ-อิตไต GVC นั้นมีพื้นฐานอยู่บนความคิดแหวกแนวที่ว่าให้เครื่องยนต์นั้นช่วยเสริมประสิทธิภาพของช่วงล่าง และสอดคล้องกับปรัชญาในการพัฒนาว่าด้วยมนุษย์เป็นศูนย์กลางของมาสด้า ผลลัพธ์ที่ได้คือการเปลี่ยนผ่านของแรงจีที่ราบรื่นยิ่งกว่าเดิมในทุกสถานการณ์การขับขี่

จนถึงทุกวันนี้ แรงจีแนวนอนและแนวดิ่งนั้นถูกควบคุมแยกกัน และ GVC ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้แปรตามการสั่งการจากพวงมาลัย เพื่อควบคุมให้แรงเหล่านี้เป็นหนึ่งเดียวและเสริมประสิทธิภาพการรับน้ำหนักในแนวดิ่งของยางแต่ละเส้นให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพสูงสุด GVC ช่วยควบคุมแรงบิด ทำให้เกิดการผ่อนแรงจีทันทีเมือเริ่มหมุนพวงมาลัย ทำให้การรับน้ำหนักถูกถ่ายไปที่ล้อหน้าจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนให้ดีขึ้น และการตอบสนองของรถดีขึ้น เมื่อผู้ขับบังคับพวงมาลัยให้อยู่ในองศาที่คงที่แล้ว GVC ก็จะช่วยเรียกคืนแรงบิดของเครื่องยนต์กลับมาและถ่ายน้ำหนักไปที่ล้อหลังเพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับตัวรถ การถ่ายน้ำหนักนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนให้แก่ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง รถจะขับเคลื่อนไปดังความตั้งใจของผู้ขับและมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น GVCนั้นให้ผลที่เป็นธรรมชาติและสร้างความสบายให้ทั้งแก่ผู้ขับและผู้โดยสาร เนื่องจากระบบนี้พัฒนาโดยมีปรัชญามนุษย์คือศูนย์กลางเป็นพื้นฐานช่วยให้ระบบนั้นกำเนิดปฏิกิริยาและการควบคุมที่สอดคล้องกับประสาทสัมผัสมนุษย์ ช่วงเวลาที่ระรบตอบสนองต่อการควบคุมพวงมาลัยของผู้ขับนั้นเร็วมากจนไม่สามารถจับสังเกตได้ และเพิ่มแรงเฉื่อยไม่เกิน 0.1 GVC นั้นให้การควบคุมที่เหนือกว่ามนุษย์จะทำได้ ด้วยการควบคุมที่เป็นธรรมชาติกว่าและแม่นยำกว่าในการตอบสนอง

ข้อกำหนดเดียวที่มีใน GVC คือ ต้องมาจากเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเท่านั้น เพื่อให้การควบคุมแรงบิดเป็นไปอย่างแม่นยำ และระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟที่ช่วยควบคุมพฤติกรรมรถให้ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบได้มากที่สุด เพราะ GVC นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ไหลลื่นจึงสามารถปรับใช้ได้กับรถยนต์สกายแอคทีฟทุกรุ่นไม่ว่าจะใช้ระบบส่งกำลังแบบใดและเป็นรถเซกเมนต์ไหน นอกจากนี้ เนื่องจาก GVC คือระบบซอฟต์แวร์จึงไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่รถ GVC นั้นเอื้อประโยชน์ในการขับขี่ให้แก่ทุกคนในหลากหลายสถานการณ์ไม่ว่าผู้ขับจะมีทักษะในการขับรถระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นการขับในชีวิตประจำวันด้วยความเร็วต่ำในเมือง การขับทางตรงความเร็วสูงบนทางหลวง ทางโค้ง หรือการควบคุมรถขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน GVC ก็ช่วยให้ประโยชน์แก่ผู้ขับเสมอ เพราะมีการถ่ายน้ำหนักลงสู่ล้อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และช่วยผู้ขับให้สามารถควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการได้ ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องคอยแก้อาการพวงมาลัยบ่อยๆซึ่งมักจะทำไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ผู้ขับจึงขับรถได้อย่างง่ายดายและควบคุมรถให้อยู่ในเลนที่ต้องการได้ง่ายขึ้น รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถและมั่นใจในการขับรถมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับในระยะทางไกลๆ การเปลี่ยนของแรงจีที่นุ่มนวลนี้ช่วยให้ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารโคลงตัวไปมาน้อยลงทำให้ทุกคนในรถรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง การควบคุมรถและเสถียรภาพของรถบนพื้นผิวถนนลื่น เช่น เมื่อฝนตก หิมะตก จะยิ่งมีประสิทธิภาพขึ้น ผู้ขับจะรู้สึกว่ายางรถนั้นเกาะถนนอย่างมั่นคงและทุกคนในรถรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม

ควบคุมรถแม่นยำกว่าเดิมและความสบายในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปรับจูนหลายองค์ประกอบเพื่อให้ความแม่นยำที่มากกว่าเดิม ความสบายที่มากขึ้นแม้ในการขับทางไกล การปรับจูนรถเริ่มจากการเปลี่ยนคุณลักษณะของพวงมาลัยไฟฟ้า (EPAS) ทำให้ผู้ขับตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของรถได้ทันทีที่หมุนพวงมาลัย จึงให้การควบคุมที่แม่นยำและนุ่มนวลกว่า เป็นธรรมชาติยิ่งกว่า รถจะตอบสนองได้ตามการบังคับพวงมาลัยไปตามเจตนาผู้ขับ ทำให้ได้สมรรถนะที่ดีกว่าและรื่นรมย์กว่าในการขับ

แดมเปอร์หน้าใช้น้ำมันที่ให้แรงเสียดทานสูงเพื่อปรับปรุงคุณภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นแม้ในความเร็วต่ำซึ่งโดยปกติแล้วการจะใช้วาล์วเพียงอย่างเดียวในการสร้างแรงหน่วงที่เหมาะสมนั้นเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ โครงสร้างวาล์วในแดมเปอร์ได้รับการปรับใหม่เพื่อลดการสั่นสะเทือนในทุกระดับความเร็ว ด้วยการเพิ่มแรงหน่วงที่ความเร็วต่ำเมื่อแรง input จากพวงมาลัยมีน้อย และลดแรงหน่วงที่ความเร็วสูงอันมีแรง input จากพวงมาลัยมาก ลูกสูบของตัวหน่วงใช้โครงสร้างใหม่ที่ช่วยให้ควบคุมได้ดีขึ้นเมื่อแรกหมุนพวงมาลัย ถูกเซ็ตให้เหล็กกันโคลงด้านหน้านั้นนุ่มนวลเพื่อให้คลายตัวเมื่อแรกเข้าโค้งก่อนที่เหล็กกันโคลงจะเริ่มส่งผล ทำให้ช่วงล่างหน้าเคลื่อนที่ไปอย่างนุ่มนวล เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นเวลาเข้าโค้ง เหล็กกันโคลงจะช่วยลดการโคลงตัวและรถก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เราปรับแรงเสียดทานช่วงล่างหลังให้ดีขึ้นเพื่อให้เกิดแรงหน่วงที่เพียงพอแม้ในจังหวะที่ต่ำ แต่ยังคงให้ความมั่นคงแม้ในความเร็วสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือลดการกระตุกแต่ได้ความสบายในการขับขี่ที่เพิ่มมากขึ้น

เพิ่ม tunnel member และใช้การเชื่อมผนึกที่ด้านล่างเพื่อเสริมแรง โฟมเป่าขึ้นรูปถูกใส่ไว้ในเหล็กตัดขวางหมายเลข 4 เสริมความแข็งแรงของกันชนหลังและจุดเชื่อมต่อด้านบน เพื่อให้ตัวถังสามารถดูดซับการสั่นสะเทือนจากพื้นถนนได้ดีขึ้นและส่งผ่านแรงจากช่วงล่างสู่ผู้ขับได้อย่างแม่นยำ ทำให้สมรรถนะการควบคุมรถและความสบายในการโดยสารเพิ่มมากขึ้น

การขับขี่ที่เงียบกว่าเดิม

รถยนต์มาสด้า3 รุ่นปรับโแมใหม่ใช้แดมเปอร์แบบไดนามิกที่ trailing arm ของช่วงล่างหลังและจุดตัดขวางของช่วงล่างเพื่อให้การขับขี่เงียบกว่าเดิม สิ่งที่เพิ่มมานี้ช่วยให้การสั่นสะเทือนของชิ้นส่วนต่างๆขณะขับขี่ลดลงและลดเสียงรบกวนจากถนนโดยเฉพาะเมื่อขับบนพื้นถนนขรุขระได้อย่างมาก นอกจากนี้ มาตรวัดต่างๆได้รับการปรับใช้ในทุกส่วนของตัวถัง ไม่ว่าจะเป็นเพดาน พื้น และประตู เพื่อดูดซับเสียงลมเมื่อขับที่ความเร็วสูง

วิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งของเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟรุ่นใหม่แบบฉีดตรง

มาสด้านั้นไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาเครื่องยนต์เบนซิน และเพื่อพัฒนาคุณภาพของการขับขี่ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์สกายแอคทีฟนั้น เราได้กำหนดตัวชี้วัดหลายอย่างเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของอัตราเร่ง และมีการเพิ่มฟังก์ชั่น Drive Selection เข้ามาด้วย

การตอบสนองที่ดีกว่าเดิมเมื่อเร่งความเร็ว

มาสด้ากำหนดปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยควบคุมการตอบสนองของรถยนต์ที่ดีและปรับคุณลักษณะการเพิ่มของแรงบิดเมื่อเหยียบแป้นคันเร่งให้การตอบสนองนั้นดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟที่ให้การตอบสนองเป็นเลิศและสมรรถนะที่ปรับแต่งมาแล้วของเกียร์สกายแอคทีฟนั้นช่วยให้เกิดการขับขี่ที่นุ่มนวลและคล่องตัว

ปุ่ม Drive Selection ช่วยให้สมรรถนะตอบสนองได้ดั่งใจผู้ขับ

Drive Selection นั้นมาคู่กับรถยนต์ที่ใช้เกียร์สกายแอคทีฟ ช่วยให้ผู้ขับเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ตได้อย่างง่ายดายเพียงกดสวิตช์ที่ข้างเกียร์ การเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ตทำให้เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่แตกต่างไป ทั้งจังหวะและความเร็ว เพื่อให้เกิดอัตราเร่งที่ราบรื่นแต่หนักแน่นแม้แต่การแตะคันเร่งเบาๆ การที่รถยนต์ตอบสนองได้ดีขึ้นนี้ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

มาสด้า3 ใส่ใจใส่ระบบความปลอดภัยมาครบครัน

ในการปรับโฉมครั้งนี้ จัดเต็มมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกัน i-ACTIVSENSE ที่เป็นชื่อเรียกเทคโนโลยีความปลอดภัยของมาสด้า ที่มีทั้งการใช้เรดาร์ กล้องเพื่อให้ผู้ขับได้รับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการชน และลดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และ Mazda Proactive Safety เป็นปรัชญาความปลอดภัยของมาสด้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆของการเกิดอุบัติเหตุและทำให้สภาพแวดล้อมต่างๆของผู้ขับปลอดภัยมากที่สุด มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยให้ผู้ขับขับรถได้อย่างปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งด้านสติ การตัดสินใจ และการควบคุมรถ จึงช่วยป้องกันและลดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น Mazda Proactive Safety นี้ก็จะมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆในอนาคต

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน: i-ACTIVSENSE

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (SCBS)

ระบบจะตรวจจับรถหรือสิ่งกีดขวางด้านหน้าหรือด้านหลังของรถ เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยเมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำในเมืองหรือในที่ๆการจราจรหนาแน่น ในการปรับโฉมครั้งนี้ ระบบได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมสถานการณ์การขับที่มากกว่าเดิม

ระบบนี้มีอุปกรณ์ตรวจจับด้านหน้าที่ได้รับการปรับปรุงจากระบบเก่า เราเปลี่ยนจากเซนเซอร์อินฟราเรดระยะใกล้เป็นกล้องตรวจจับด้านหน้า ทำให้สามารถตรวจจับคนเดินเท้าได้ง่ายขึ้น ระบบนี้ทำงานอัตโนมัติเมื่อมีคนอยู่ที่แยกกะทันหันหรือเดินผ่านด้านท้ายรถที่กำลังถอยจอดเข้าซอง โดยที่รถมีความเร็วอยู่ประมาณ 10 กม./ชม. ถึง 30 กม./ชม. 

เพิ่มระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหลังที่ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกฝังที่กันชนหลังเพื่อลดความเสี่ยงจากการชนด้านท้ายเมื่อถอยรถ 

หมายเหตุ: ความสามารถของระบบในการป้องกันการชนเมื่อเข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลังจะถูกจำกัดด้วยสภาพถนนและปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอื่นๆ

ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ (ALH)

ALH เป็นระบบไฟหน้าแบบใหม่ที่ใช้ไฟ LED แบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วนสามารถแยกเปิดปิดได้ ช่วยให้ขับในเวลากลางคืนได้ปลอดภัยขึ้น ประกอบด้วยไฟสูงที่ไม่แยงตาและไฟต่ำที่ให้รัศมีการมองกว้างไกลกว่า โหมดทางหลวงจะปรับเป็นไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อขับรถด้วยความเร็วต่ำ

เมื่อกล้องด้านหน้าตรวจจับไฟหน้าของรถที่กำลังแล่นสวนมาหรือไฟท้ายของรถคันหน้าได้ ไฟสูงจะดับและไฟต่ำในช่องที่เหมาะสมจะทำงานอัตโนมัติ ระดับความสว่างของไฟก็จะถูกปรับให้เหมาะสม ช่วยให้แสงไฟไม่ไปรบกวนสายตาผู้ขับอื่นๆบนท้องถนน แต่ยังคงทัศนวิสัยเป็นเลิศของไฟสูงอยู่ ไฟต่ำที่มีรัศมีกว้างใช้ระบบไฟอันเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ขยายมุมมองไปถึงเสาเอและกระจกมองข้างที่ไฟหน้าทั่วไปไม่สามารถทำได้ ระบบช่วยปรับปรุงทัศนวิสัยเมื่อขับบนทางแยกและเมื่อขับในเวลากลางคืน ด้วยระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติที่จะปรับลำแสงขึ้นเอง โหมดทางหลวงจะช่วยให้มองเห็นถนนได้ไกลกว่าในยามกลางคืน

มาสด้า3ใหม่ใช้ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ LED ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ช่วยเพิ่มระดับความเรืองแสงได้อีกถึง 6 เมตรเมื่อเปิดไฟสูง ทำให้ทัศนวิสัยดียิ่งขึ้น ไฟโปรเจคเตอร์แบบใหม่สามารถปรับเป็นทั้งไฟสูงและไฟต่ำได้ในดวงเดียว ผนวกกับการกระจายแสงผ่านเลนส์ที่ใช้ ทำให้ดีไซน์ของไฟหน้าใหม่นี้มีขนาดกะทัดรัดและไฟแต่ละข้างมีน้ำหนักเบาลงกว่า 200 กรัม

Smart Brake Support (SBS)

ระบบ SBS ตรวจจับรถและสิ่งกีดขวางบนท้องถนนด้านหน้าเมื่อขับรถและช่วยหลีกเลี่ยงการชนปะทะ ช่วยลดความเสียหายด้วยการส่งเสียงเตือนและหยุดรถอัตโนมัติใน 2 รูปแบบ การปรับโฉมครั้งนี้ขยายระดับความเร็วที่ระบบทำงานจากเดิม 15-160 กม./ชม. มาเป็น 15-160 กม./ชม. ด้วยการควบรวมเรดาร์คลื่นสั้นแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกับกล้องตรวจจับด้านหน้าแบบใหม่

หมายเหตุ: ความสามารถของระบบในการป้องกันการชนจะถูกจำกัดด้วยสภาพถนนและปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอื่นๆ

ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM)*1

ระบบนี้ใช้เซนเซอร์เรดาร์คลื่นกึ่งสั้น ในการตรวจสอบรถที่เข้าใกล้จากพื้นที่จุดบอดที่ด้านข้างและด้านหลังเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ในการตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงช่องทาง ระบบนี้จะทำงานที่ความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือมากกว่า (ความเร็วขึ้นกับข้อกำหนดของแต่ละตลาดที่จำหน่าย) ถ้าคนขับเปิดสวิตช์ไฟเลี้ยวในขณะที่ ABSM ตรวจจับรถที่เคลื่อนที่มาด้านหลัง ระบบจะส่งภาพกระพริบในกระจกมองข้างที่ประตูด้านๆนั้นและส่งเสียงเตือนด้วย 

ระบบ ABSM ใช้เซนเซอร์ประเภทเดียวกับระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง  (RCTA) ซึ่งแจ้งเตือนให้คนขับเมื่อตรวจพบรถใกล้เข้ามาจากด้านใดด้านหนึ่งของด้านหลังรถ ช่วยให้คนขับมั่นใจว่ามันมีความปลอดภัยที่ถอยออกมาจากโรงรถหรือที่จอดรถ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LAS)

เมื่อขับรถอยู่ที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ขึ้นไป กล้องตรวจจับด้านหน้าจะจับเครื่องหมายแบ่งเลนบนพื้นผิวถนนและช่วยผู้ขับในการควบคุมรถด้วยการส่งแรงบิดและแรงสั่นสะเทือนไปที่พวงมาลัยหรือส่งเสียงเตือน ระบบ LAS สามารถตั้งค่าเวลาได้ 2 แบบ เมื่อเลือกเมนู “ก่อนหน้า” ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัยอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อเลือกเมนู “หลัง” ฟังก์ชั่นช่วยควบคุมพวงมาลัยจะทำงานเมื่อระบบตรวจจับว่ารถกำลังจะเบี่ยงออกนอกเลนเท่านั้น ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้ไม่ทำงานเมื่อประเมินแล้วว่าผู้ขับตั้งใจกระทำ 

ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA)

ระบบ DAA รับเอาข้อมูล เช่น ความเร็วและองศาของพวงมาลัย มาประมวลคู่กับข้อมูลที่ได้จากกล้องตรวจจับด้านหน้ามาตรวจสอบสภาพผู้ขับเมื่อขับด้วยความเร็วสูง และจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับพัก ระบบจะทำงานเมื่อความเร็วรถอยู่ที่ 65 กม./ชม. ขึ้นไป และเก็บข้อมูลว่าผู้ขับมีลักษณะการขับอย่างไรเมื่อไม่อยู่ในสภาพเหนื่อยล้า ต่อจากนั้นระบบจะเก็บข้อมูลความแตกต่างระหว่างข้อมูลที่บันทึกไว้และพฤติกรรมในขณะนั้นๆของผู้ขับ หากระบบตรวจได้ว่าผู้ขับอาการเปลี่ยนไป ก็จะมีสัญญาณเตือนขึ้นให้พักหยุดรถ โดยระบบออกแบบมาให้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากความเหนื่อยล้าหรือมีความระแวดระวังในการขับลดลง 

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (MRCC)

เมื่อขับรถที่ความเร็วระหว่าง 30 – 145 กม./ชม. เรดาร์ของระบบจะจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อปรับความเร็วและระยะห่างที่เหมาะสมจากรถคันหน้า ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งและเบรกเอง จึงลดความเหนื่อยล้าเมื่อขับรถเป็นระยะทางไกลได้ เรดาร์เซนเซอร์ของระบบนี้สามารถตรวจจับรถคันหน้าได้อย่างแม่นยำ

การทดลองระบบ GVC และ MRCC

คณะสื่อมวลชน เริ่มทดลองรถยนต์กันตั้งแต่สตาร์ทออกตัวที่โชว์รูมไซม์ดาร์บี้ มาสด้า พาราไดซ์ พาร์ค วิ่งในเมืองและบนทางด่วน ด้วยระยะทาง 51 กิโลเมตร มาพักรถจุดแรกเพื่อเปลี่ยนคนขับ และออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่ดาษดา รีสอร์ท ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนถึงจุดนี้คณะสื่อมวลชนได้ทดลองขับและเรียนรู้ถึงระบบต่างๆ ของรถมาสด้า3 รุ่นปรับโฉมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอันตราเร่ง จังหวะการแซงที่ตอบสนองได้ดี ระบบเตือนต่างๆ ช่วยเตือนผู้ขับขี่เช่นการควบคุมรถให้อยู่ในเลน และเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน ที่สำคัญระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา และแสดงสัญญาณที่กระจกมองข้าง อันนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่มาก จากนั้นออกเดินทางโดยใช้เส้นทางเขาใหญ่ เป็นทางเขา และทางโค้ง ได้ทดลองประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างที่แน่นหนึบเอาอยู่ในทุกโค้ง ที่สำคัญไม่ต้องบังคับหรือคอยแก้พวงมาลัยมากนัก เพราะได้ระบบ GVC ใหม่เข้ามาช่วยผ่อนแรง ผสานกับการทำงานต่างๆ ของระบบให้ประสิทธิภาพที่ดี ซึ่งหากเทียบกับมาสด้า3 รุ่นก่อนปรับโฉมแล้ว ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลง สามารถจับอาการรถได้ คณะสื่อขับกันมาถึงสนามบินเล็กแรนโชชาญวีร์ที่เนรมิตรให้เป็นสถานที่ทดลองในสถานีที่จัดไว้ให้ โดยได้ทดลองประสิทธิภาพของระบบ GVC มากขึ้น เนื่องจากจัดเรียงกรวยเป็นช่องทางในสถานีทดลองให้เป็นทางแบบสลาลอม คดไปคดมาจนสุดปลายแทรก เริ่มตั้งแต่ใช้ความเร็ว 30 ไปจนถึง 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และกลับมารถมาเพื่อทดลอง MRCC ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยให้ขับตามคันหน้า จุดนี้เองด้วยเรดาร์ของระบบจะเว้นระยะห่างจับความเร็วของรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วสัมพันธ์กัน โดยผู้ขับไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งและเบรกเอง ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้ ที่สำคัญการทดลองครั้งนี้ใช้รถยนต์มาสด้า3 รุ่นก่อนปรับโฉมมาให้ขับเปรียบเทียบกันชนิดที่ขึ้นลงรถแบบคันต่ออีกคันเลยทีเดียว จับความรู้สึกกันได้อย่างชัดเจน ทำให้มาสด้า3 รุ่นปรับโฉมใหม่นี้ ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ 

ราคาจำหน่ายมาสด้า 3 ใหม่ เริ่มต้นที่รุ่น 2.0E ราคา 847,000 บาท, 2.0C ราคา 928,000 บาท, 2.0S ราคา 968,000 บาท และ 2.0SP ราคา 1,119,000 บาท สนใจจองและเป็นเจ้าของได้แล้วันนี้ทุกโชว์รูมมาสด้าทั้ง 147 แห่ง ทั่วประเทศ 

Visitors: 1,485,817