Ragginger กับการเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาล 2017 ท่ามกลางสายฝน สนามที่10 ประเทศสิงคโปร์
สายฝนเทกระหน่ำราวกับเป็นการกรุยทางให้กับ Martin Ragginger และทีม Porsche Holding สำหรับอีกหนึ่งก้าวย่างที่เข้าใกล้ความสำเร็จในฐานะแชมเปียนส์รายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบสุดยิ่งใหญ่ Porsche Carrera Cup ฤดูกาล 2017 หลังการโรมรันอันดุเดือดของบรรดายอดนักแข่ง นับตั้งแต่การแย่งอันดับการออกสตาร์ทจนกระทั่งตำแหน่งบนโพเดี้ยมเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันซึ่งจัดขึ้น ณ สนาม Marina Bay Circuit ประเทศสิงคโปร์
ผลจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเพียงชั่วครู่ ทำให้กำหนดการแข่งขันถูกเลื่อนออกไป หลังจากดวงอาทิตย์ฉายแสงอีกครั้งก็ถึงก็ถึงเวลาที่นักแข่งจำเป็นต้องลงเตรียมพร้อมในกริดสตาร์ทสำหรับการร่วมประลองความเร็วในศึกศักดิ์ศรี Porsche Carrera Cup Asia ซึ่งนับเป็นการแข่งขันบนสนามเปียกหรือ wet race ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสนามนับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 10 ปี สภาพของแทรคที่ยังคงมีน้ำขังบางส่วน บีบให้นักแข่งจำเป็นต้องเลือกใช้กลยุทธ์ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดระหว่างการเสี่ยงใช้ยางสลิคหรือเลือกทางที่ปลอดภัยกว่าแต่ต้องแลกกับสมรรถนะในการยึดเกาะที่ลดลงของยางแบบเปียก แต่่นักแข่งทุกรายล้วนตัดสินใจเลือกใช้ยางแบบเปียกในช่วงปล่อยตัวจากจุดสตาร์ทด้วยการวิ่งตามรถ safety car
Ragginger ไม่ได้หวาดหวั่นต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากแม้แต่น้อย ในทันที่รถ safety car ฉีกหนีออกเมื่อเข้าสู่รอบที่ 2 เขาจัดการตะบันคันเร่งอย่างไม่ยั้งและตามติดมาอย่างไม่ลดละด้วยคู่แข่งคนสำคัญในรุ่นเดียวกัน นั่นคือ Chris van der Drift จากทีม Formax ซึ่งในช่วงแรกของการแข่งขัน เขาสามารถสร้างแรงกดดันให้แก่ Ragginger ได้อย่างน่าดูชม แต่หลังจากนั้นผู้นำได้เริ่มทิ้งห่างจากเขาไปทีละน้อย ท้ายที่สุดเป็น Ragginger ที่แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมจนยากที่จะหาใครตามทัน
การแก่งแย่งอันดัยที่สูสีคู่คี่คือการปะทะกันระหว่างบรรดานักแข่งอัจฉริยะวัยหนุ่มที่ตามมาในกลุ่มกลางอย่าง Zhang Dasheng จากทีม Porsche China Junior ออกสตาร์ทในตำแหน่ง P3 และอีกหนึ่งนักแข่งรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ Will Bamber จากทีม FAW T2M ในตำแหน่ง P4
Bamber เปิดฉากรุกทันทีที่รถ safety car หลีกทางออกจากสนาม เกาะติดกดดัน Zhang อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Philip Hamprecht นักขับจากทีม StarChase ทำได้เพียงตามประกบหลัง Bamber เพื่อรอคอยจังหวะที่อาจเกิดความผิดพลาด เนื่องจากสถาพสนามในช่วงแรกของการแข่งขันที่ไม่อาจคาดเดาสถานการณ์แน่นอนได้ และเป็น Bamber เองที่เกิดอาการหลุดออกจากขอบสนามหลังจากความพยายามขึ้นแซง Zhang แต่ยังคงประคับประคองรถกลับเข้ามาในตำแหน่งที่นำหน้า
Hamprecht ได้
ในส่วนของ Hamprecht ยังคงไม่ลดละที่จะหาทางแซงขึ้นนำ ในจังหวะเดียวกับที่ Bamber ไล่จี้ติด Zhang อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าโอกาสนั้นถูกปิดไปดื้อๆ เมื่อ Bamber ไม่แสดงข้อผิดพลาดใดๆ ให้เห็นอีก แถมยังโต้กลับอย่างเผ็ดร้อนด้วยการพุ่งขึ้นแซงหน้า Zhang ไปได้เป็นผลสำเร็จในที่สุด หลังจากเข้าสู่รอบที่ 4 ของการแข่งขัน
ด้านของ Raggingger ยิ่งเพิ่มระยะห่างจาก van der Drift มากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ โดยปราศจากแรงกดดันใดๆ ในฐานะผู้นำพื้นผิวสนามที่กำลังแห้งส่งผลต่ออุณหภูมิของยางแบบเปียกที่เริ่มไม่เหมาะสมกับการขับขี่ และนี่คือสิ่งที่นักขับต้องพิจารณาเพิ่มความระมัดระวังเมื่อการแข่งขันดำเนินเข้าสู่ครึ่งหลัง
บทสรุปของการแข่งขันจบลงที่ Ragginger นำมาเป็นอันดับ 1 แบบม้วนเดียวจบนับเป็นชัยชนะที่ได้มาอย่างไม่ลำบากยากเย็นเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยระยะห่างที่มีค่อนข้างมากระหว่างเขาและ van der Drift ผู้ตามมาในอันดับ 2 และเป็น Bamber ที่คว้าอันดับ 3 ไปครอง
หลังจากสุดสัปดาห์แห่งการดวลเดือดได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย ผลรวมของคะแนนสะสมเฉือนกันเพียงปลายจมูกแค่ 1 คะแนน โดยผู้นำคือ Chris van der Drift เก็บไปได้ทั้งสิ้น 187 คะแนน ส่วน Msrtin Ragginger ตามมาแบบหายใจรดต้นคอที่ 186 คะแนน ทางด้านของ Bamber ที่ยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งและโอกาสในการลุ้นแชมป์ของตนเองเอาไว้ได้ ตามมาไม่ห่างที่ 170 คะแนน “สำหรับผมแล้ว การขับขี่ที่ไม่มีข้อผิดพลาดคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมพบกับชัยชนะในวันนี้ในช่วงเริ่มต้นการแข่งขันนั้น ผมยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ เราทุกคนไม่เคยลงแข่งขันในสิงคโปร์ด้วยการใช้ยางงแบบเปียกมาก่อน ดังนั้นหลังจากการออกสตาร์ทในรอบแรก ผมต้องคอยมองตำแหน่งของ Chris จากกระจกมองหลังบ่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขากำลังทำอะไร เจาเข้ามารใกล้ผมเอามากๆ ในรอบแรก แต่หลังจากนั้นผมก็พบว่าตนเองสามารถหนีห่างจากเขามาได้ในรอบที่ 2 รถแข่งของผมอยู่ในสถาพที่ดีจริงๆ และมันช่วยให้ผมเอาชนะได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ” Ragginger ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจบการแข่งขัน
การคว้าชัยชนะของ Ragginger ในสนามนี้ช่วยเพิ่มคะแนนสะสมให้กับทีม Porsche Holding มุ่งหน้าสู่ตำแหน่งแชมเปียนส์ประเภททีมหรือ Porsche Dealer Trophy เข้าไปทุกขณะ ด้วยตำแหน่งผู้นำบนตารางสะสม
ในระหว่างการแข่งขันอันตื่นเต้นของฤดูกาล 2017 ซึ่งกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น และเข้าใกล้บทสรุปขึ้นทุกที Porsche Carrera Cup Asia ได้ประกาศกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจไปตามๆ กัน ด้วยแผนการคัดเลือกและจัดส่งนักขับฝีมือดีเข้าร่วมการแข่งขันรายการประลองความเร็วระยะยาวที่เป็นตำนานอย่าง Bathurst 12 ชั่วโมง ทั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการส่งทีมแข่งเข้าร่วมในลักษณะดังกล่าว โดยผู้แถลงข่าวในครั้งนี้คือ Mark Webber ตัวแทนองค์กรและนักแข่งรถระดับมืออาชีพผู้มีชื่อเสียงจากทีมโรงงานปอร์เช่ ระหว่างงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการหลังจบการแข่งขันสนามที่ 9 ในวันเสาร์ นักแข่ง 4 ชีวิตที่จะได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยม ประกอบด้วย แชมเปียนส์ประจำฤดูกาล 2017, แชมเปียนส์ในรุ่น Pro-Am, นักแข่งที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจาก Porsche China Junior และปิดท้ายด้วย Paul Tresidder ในฐานะนักแข่งท้องถิ่นชาวออสเตรเลียจากรุ่น Pro-Am ทั้งหมดนี้จะรวมตัวกันเป็นทีมและเข้าร่วมการแข่งขันที่จัดขึ้นในปี 2018 ณ ประเทศออสเตรเลีย
นักแข่งในรุ่น Pro-Am อย่าง Evan Chen จากทีม Kamlung Racing ขยับโอกาสในการคว้าแชมป์เพิ่มขึ้นอีกขั้น หลังจากนักขับหนุ่มชาวสิงคโปร์รายนี้เพิ่งเอาชนะได้เป็นสนามที่ 2 ในช่วงสุดสัปดาห์ เขาช่วงชิงคะแนนสะสมอันมีค่าด้วยการจบอันดับ 1 ในรุ่น Pro-Am และอันดับ 8 ในภาพรวม เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ Chen ที่ยังคงรักษาระยะห่างบนตาราง คะแนนสะสมกับ 3 นักแข่งระดับมืออาชีพ รวมทั้งคู่แข่งคนสำคัญในฤดูกาลนี้ Yuey Tan จากทีม Jebsen ซึ่งจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 และยึดอันดับ 1 บนตารางคะแนนของรุ่นเดียวกันการที่ Chen สามารถรักษาระดับการขับขี่ของเขาจนตามติดบรรดานักแข่งฝีมือดีทั้งหลายได้ ส่งผลให้ระยะห่างของตัวเลขคะแนนสะสมรวมบนตารางอันดับระหว่างเขากับ Tan ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของผู้นำ 2 อันดับแรกในรุ่น Pro-Am ยิ่งมีคะแนนทิ้งห่างจากนักแข่งรายอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันออกไปอีก
การประลองความเร็วสุดเร้าใจ เกิดขึ้นกับนักแข่งหนุ่มไฟแรงทั้งหลาย ในการช่วงชิงอันดับ 3 ของรุ่น หนึ่งในนั้นคือ Wayne Shen ของทีม Modena Motorsports ซึ่งหลังจากออกสตาร์ทในตำแหน่ง P3 ได้ไม่นานนัก เป็น Li Chao จากทีม Betterlife ที่พยายามขึ้นแซง ด้าน Shen ไม่ยอมเปิดทางให้ Chao จนกระทั่งเกิดการกระทบกระทั่งกัน เป็นผลให้รถของนักขับชาวจีนสูญเสียการควบคุมและหมุนจนหลุดจากอันดับ 3 จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ Shen ถูกลงโทษด้วยวิธีการ drive-thru และต้องหลุดจากอันดับที่ 3 ไปเช่นเดียวกัน
การปะทะกันข้างต้นเปิดโอกาสให้ Suttiluck Buncharoen นักแข่งชาวไทยจากทีม True Visions Motorsports Thailand ซึ่งตามมาไม่ห่างนัก ก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 3 ได้ในการแข่งขัน ช่วงเวลาต่อมาก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักจากความลื่นบนพื้นผิวถนนจนกระทั่งหมุนออกไปจากสนามและหลุดออกไปจากกลุ่ม
ตำแหน่งโพเดี้ยมของ Buncharoen ถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตาอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่ John Shen นักแข่งจากทีม Modena Motorsports ฉวยความได้เปรียบเอาไว้ พุ่งทะยานเข้าเส้นชับในอันดับที่ 3 ซึ่งนับเป็นการขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกของเขา หลังจากห่างเกินจากชัยชนะในการแข่งขันรายการ Porsche Carrera Cup Asia มานานถึง 5 สนาม สำหรับอันดับ 1 แน่นอนว่าเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจาก Evan Chen และ Yuey Tan เข้าเส้นชัยไปในอันดับที่ 2
“ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอขอบคุณทีมงาน Kamlung Racing สำหรับโอกาสอันยอดเยี่ยมให้แก่ผมในการแข่งขันสนามนี้ มันเป็นการขับเครี่ยวท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์ สายฝนที่ตกลงมาทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพราะในช่วงท้ายสนามจะเริ่มแห้ง ถึงแม้ตอนแรกการยึดเกาะของตัวรถยังคงดีอยู่แต่เราไม่สามารถไปได้เร็วเท่าที่ต้องการ หลังจากที่การยึดเกาะลดลงเมื่อการแข่งขันใกล้จบ ถึงตอนนั้นดูเหมือนว่าผมจะไปได้เร็วกว่าคนอื่น และนั่นคือแผนการของเราในการผสมผสานความสามารถในการยึดเกาะของรถให้เข้ากับสถานการณ์ในสนามอย่างเหมาะสม” Chen กล่าวกับสื่อมวลชนหลังจบการแข่งขัน
ชัยชนะ 2 สนามติดต่อกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ของ Chen เพิ่มคะแนนสะสมของเขาเป็น 181 คะแนน ตามหลัง Tan ซึ่งเป็นผู้นำบนหัวตารางที่ 182 คะแนน ด้วยระยะห่างเพียง 1 คะแนนจึงเป็นการขับเคี่ยวที่สูสีไม่ต่างจากกลุ่มนักแข่งระดับอาชีพ สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความลำบากให้กับ Li Chao นักแข่งที่ตามมาในอันดับที่ 3 ไม่น้อย จากคะแนนรวมของเขาที่ 147 คะแนน ดูเหมือนจะเป็นช่องว่างที่ยากจะตามทัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เสมอในการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต
เหลืออีกเพียง 3 สนามเท่านั้น สำหรับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบสุดยิ่งใหญ่ รายการ Porsche Carrera Cup Asia ประจำฤดูกาล 2017 ในส่วนของสนามต่อไปจะได้รับการจัดขึ้นพร้อมกับการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 หรือ Formula 1 บนสนาม Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซียในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า มั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าสนามรองสุดท้ายที่กำลังมาถึงจะต้องเป็นอีก 1 สนาม ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ดุเดือด ก่อนที่จะสรุปส่งท้ายรายการ WEC ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้