บีวายดี พร้อมขับเคลื่อนระบบการขนส่งโดยใช้ไฟฟ้าที่ปลอดมลพิษในประเทศไทย

บีวายดี แบรนด์ยานยนต์ชั้นนำของโลก เปิดตัวในประเทศไทยในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 พร้อมแต่งตั้ง ไรเซน เอนเนอร์จี ให้เป็นผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีวายดีในประเทศไทย โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในกว่า 50 ประเทศที่บีวายดี ขยายตลาด เพื่อสร้างความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจและรักษาความเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของโลก

นายนีโม ฮาน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ จำกัด กล่าวถึงบีวายดี บริษัทที่เป็นผู้สร้างระบบพลังงานที่ปราศจากมลพิษว่า “บีวายดี เป็นบริษัทที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2538 และมีฐานการผลิตอยู่ในเมืองเซินเจิ้นซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางนวัตกรรมของประเทศจีน ผลิตภัณฑ์ของบีวายดีที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต ตั้งแต่ยานยนต์ พลังงานทดแทน รวมไปจนถึงโมโนเรล ได้กลายเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับกว่า 200 เมืองทั่วโลก บีวายดีจึงกลายเป็นแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลกติดกัน 3 ปี ซึ่งบีวายดีประสบความสำเร็จในการทำให้เมืองเซินเจิ้นที่เคยถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจากมลพิษ กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดที่สุดในจีน โดยทางเราเชื่อมั่นว่า ไรเซน เอนเนอร์จี จะสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์ บีวายดีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยสะอาดปลอดมลพิษ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วในเซินเจิ้น”

นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ต้องการแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดจากการสันดาปของเครื่องยนต์จากภาคการคมนาคมขนส่ง จึงเชื่อว่าด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายของบีวายดีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวและยกระดับมาตรฐานของการคมนาคมขนส่งสาธารณะระดับประเทศแล้ว ยังจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะช่วยสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย”

นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์บีวายดีที่ได้เลือกมาทำตลาดในเบื้องต้น ประกอบด้วย

• BYD c6 - เป็นรถโค้ชไฟฟ้าขนาด 24 ที่นั่ง โดย BYD c6 ถือเป็น 1 ในรถบัสไฟฟ้าของ BYD ที่ได้ถูกส่งมอบไปแล้วกว่า 35,000 คันทั่วโลก ซึ่งจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย พบว่า การใช้รถไฟฟ้า BYD สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 200% เมื่อเปรียบเทียบกับรถบัสดีเซล

• BYD T3 - เป็นรถตู้ขนส่งสินค้าขนาดเล็ก ซึ่งทั้ง DHL และ UPS ในประเทศจีน ต่างเปลี่ยนมาใช้รถ BYD T3 ในการขนส่งจดหมายและพัสดุในเมืองตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา โดยมีขนาดของแบตเตอรี่ 50.3kWh ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จเต็มอยู่ที่ 300 กิโลเมตร พร้อมส่งมอบในประเทศไทยได้ช่วงปลายปีนี้

• BYD Electric Forklift ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยาที่ต้องการความสะอาดมากเป็นพิเศษ ซึ่งรถยกไฟฟ้าของบีวายดีจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปในการดำเนินการได้กว่า 50% เมื่อเทียบกับรถยกดีเซล ได้รับรางวัล IFOY หรือ International Intralogistics and Forklift Truck of the Year ปี 2016 หน่วยงานอิสระภายใต้การดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของประเทศเยอรมนี

• BYD Electric Baggage Towing Tractor - รถหัวลากกระเป๋าในท่าอากาศยานที่สามารถตอบโจทย์ทุกงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นการลากสัมภาระขนาดใหญ่ ไร้มลพิษ ปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน ก้าวสู่ความเป็น Smart Airport อย่างแท้จริง โดย BYD Electric Tractor ได้รับความนิยมจากท่าอากาศยานขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก ทั้งเยอรมนี อเมริกา บราซิล ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรถหัวลากกระเป๋าของบีวายดีจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้กว่า 50% เมื่อเทียบกับรถหัวลากกระเป๋าในท่าอากาศยานที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล

• BYD e6 - บีวายดี นับเป็นแบรนด์แรกที่ทำรถแท็กซี่ไฟฟ้า นับจากปี 2554 จนถึงปัจจุบันมีรถบีวายดีที่นำไปทำเป็นฟลีตแท็กซี่ที่ให้บริการในเมืองต่างๆ จำนวนกว่า 87,000 คัน โดยในเซินเจิ้นมีจำนวน 12,581 คัน สิงคโปร์จำนวน 230 คัน และลอนดอน 100 คัน โดยรุ่นที่ได้รับความนิยม คือ BYD e6 ที่นำเข้าเพื่อเป็นทางเลือกให้กับบริษัทและผู้ประกอบการรถแท็กซี่ มียอดขายทั่วโลกกว่า 46,000 คัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 80kWh ทำให้ BYD e6 สามารถวิ่งได้ครอบคลุมระยะทางกว่า 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 1.5 ชั่วโมง มีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปเนื่องจากมีความสึกหรอน้อยกว่า และประหยัดค่าไฟมากกว่า

นายอภิชาติ ได้กล่าวปิดท้ายถึงการดำเนินการต่อไปของบีวายดีในประเทศไทยว่า ภายในปี 2561นี้จะมีรถแท็กซี่ไฟฟ้า BYD e6 จำนวนอย่างน้อย 100 คันออกให้บริการเป็นแท็กซี่วีไอพี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด และบริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจแท็กซี่วีไอพี ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรภาคเอกชน ประกอบด้วย บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ที่ให้บริการรถทั้ง 100 คันในโครงการดังกล่าวได้ชาร์จไฟโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตามจุดชาร์จ EA Anywhere ที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ จนถึงสิ้นปี 2561 บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) ให้บริการสถานที่ 7 จุดที่มีจุดชาร์จ EA Anywhere ตั้งอยู่ ขณะที่บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สนับสนุนเบี้ยประกันภัยในอัตราพิเศษสำหรับรถ BYD e6 ที่เป็นแท็กซี่วีไอพีในโครงการนี้ด้วย ซึ่งได้มีการลงนามอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยมีอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน

 

Visitors: 1,488,223