ปอร์เช่ เผยโฉมครั้งแรกของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ เจนีวา มอเตอร์โชว์

ปอร์เช่ พร้อมเผยโฉมครั้งแรกของมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show ด้วยแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ Cross-Utility Vehicle (CUV) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ เปี่ยมไปด้วยความอเนกประสงค์ สนองตอบรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มบุคคลที่แสวงหาความสนุกสนานเร้าใจจากกิจกรรมผจญภัยและการเล่นกีฬากลางแจ้ง พร้อมกับการท่องเที่ยวเดินทางอย่างมีสุนทรียภาพด้วยประสิทธิภาพเหนือระดับของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive สามารถนำพาผู้โดยสารไปยังยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะได้อย่างง่ายดาย ศักยภาพในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ประโยชน์ภายในห้องโดยสารอย่างไร้ขีดจำกัด จัดสรรพื้นที่กว้างขวางพร้อมติดตั้งจุดยึดรุ่นล่าสุดสำหรับบรรทุกและเคลื่อนย้ายอุปกรณ์กีฬาหลากหลายชนิดได้อย่างสะดวกปลอดภัย อาทิ กระดานโต้คลื่นหรือจักรยานปอร์เช่ e-bike

ความยอดเยี่ยมของรถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่ง คันนี้ หมายรวมถึงงานออกแบบที่สะท้อนภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งสไตล์ off-road เฉกเช่นเดียวกับอุปกรณ์ภายในที่ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบใหม่ ระบบควบคุมฟังก์ชันการทำงานล้ำสมัยด้วยหน้าจอสัมผัสและระบบตรวจจับทิศทางการมอง eye tracking รถยนต์ต้นแบบที่มีความยาว 4.95 เมตร ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของระบบเครือข่ายชาร์จพลังงาน 800 โวลต์ fast-charge network รองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย charging dock หรือระบบ Porsche home energy management systemมิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) สืบทอดความล้ำเลิศมากมายนานับประการ จากปอร์เช่ Mission E ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ International Motor Show (IAA) เมื่อปี 2015



งานออกแบบ: บ่งบอกเอกลักษณ์ด้วย DNA ของปอร์เช่
ฝากระโปรงหน้าที่เทลาด โอบล้อมด้วยโป่งซุ้มล้ออันแสดงถึงความทรงพลังทั้ง 2 ฝั่ง: แม้เพียงแรกสายตาสัมผัสรูปโฉมด้านหน้าของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่(Mission E Cross Turismo)สามารถรู้สึกถึงความเด่นชัดในอัตลักษณ์ความเป็นที่สุดของยนตรกรรมสปอร์ตระดับตำนานจากปอร์เช่ 911(Porsche ที่ตราตรึงอยู่ในทุกอณู ไม่ว่าจะเป็นช่องรับอากาศตรงกันชนหน้าที่วางตัวในแนวนอนหรือรู้จักกันดีในชื่อว่า “air curtains”หนึ่งในงานออกแบบที่โดดเด่นเฉพาะตัวพร้อมอรรถประโยชน์อันเปี่ยมล้น ไฟหน้า Matrix LED นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่สง่างามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดุดันด้วยระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ 4 ลำแสงหรือ Porsche four-point daytime running lights ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนรูปทรงให้เฉียบคมยิ่งขึ้น กระจกโคมไฟแบบ three-dimensional glassกระจายลำแสงทั้ง 4 ได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด พร้อมไฟเลี้ยว four-point indicator แบบใหม่ล่าสุดมั่นใจได้ในทุกเส้นทางด้วยความกระจ่างชัดเจนจากไฟหน้าประสิทธิภาพสูง Porsche X-Sight high-performance high beamเสริมภาพลักษณ์สมบุกสมบันและพร้อมบุกตะลุยสไตล์ Off-road จากชิ้นส่วนตัวถังที่ออกแบบโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นปิดซุ้มล้อและธรณีประตูทั้ง 4 ปราดเปรียวดุดันด้วยชุดสปอยเลอร์หน้าและชายกันชนหลัง สอดรับกับระดับความสูงใต้ท้องรถที่ได้รับการปรับให้เพิ่มขึ้น

รูปร่างโดยรวมของตัวรถถูกกำกับโดยแนวหลังคาสไตล์สปอร์ตโค้งมน ลาดเอียงเป็นทรงลิ่มจากหัวจรดท้ายซึ่งเป็นการออกแบบที่ได้รับคำนิยามจากดีไซน์เนอร์ของปอร์เช่ว่า “flyline” สะท้อนให้เห็นถึงตัวถังด้านท้ายรถที่ใกล้เคียงกับ พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) แนวกระจกประตูทั้ง 4 ที่ยังคงความคลาสสิกของปอร์เช่เอาไว้อย่างเหนียวแน่น โป่งล้อขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องมายังซุ้มล้อคู่หน้า ขนาบด้วยช่องระบายอากาศให้มุมมองแบบ 3 มิติและแสดงออกถึงบุคลิกของยนตรกรรมต้นแบบพันธ์แกร่งซึ่งมาพร้อมมิติความกว้างตัวถังถึง 1.99 เมตร สเกิร์ตข้างตัวถังสไตล์ off-road พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20นิ้ว ล้อมรอบด้วยยางสมรรถนะสูงขนาด 275/40 R 20 รองรับทุกเส้นทางที่ต้องเผชิญ

รถต้นแบบได้รับการพ่นสีพิเศษ Light Grey Metallicโดดเด่นหรูหรา ให้สัมผัสของสปอร์ตคลาสสิกจากประเทศเยอรมันแม้มองจากด้านท้ายรถ ยิ่งไปกว่านั้นภาพความงดงามดังกล่าวยังได้รับการตอกย้ำด้วยชุดสปอยเลอร์หลังคาและแผงไฟทับทิมคาดขวางตัวถัง ซึ่งได้กลายเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับปอร์เช่ในยุคปัจจุบัน ติดตั้งสัญลักษณ์ตัวอักษรปอร์เช่เรืองแสงสีขาวสะท้อนแสงแบบ 3 มิติ ตำแหน่งอักษร“E” ในคำว่า “Porsche” จะกระพริบเป็นจังหวะในขณะทำการชาร์จพลังงาน ส่งมอบประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่ผู้ครอบครองได้อย่างไม่มีรถยนต์คันใดเสมอเหมือน กระจกหลังคาpanoramic glass roofขนาดใหญ่วางตัวต่อเนื่องจากกระจกบังลมหน้าจนจรดฝากระโปรงท้าย ให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารปลอดโปร่งสะดวกสบาย

ความอเนกประสงค์: รองรับทุกการใช้งานเพื่อทุกวันของชีวิต
มิชชั่นอีครอสทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) คือรถยนต์ที่ถือกำเนิดขึ้นในฐานะตัวแทนของยนตกรรมสปอร์ตสไตล์ทัวริ่งทั้งหมดของสายการผลิตจากปอร์เช่ เติมเต็มอรรถประโยชน์ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถด้าน cross-utility ให้มีความอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น: ผลลัพธ์ที่ได้คือที่สุดแห่งยานยนต์ที่เหมาะสม กับทุกการเดินทาง ตอบรับทั้งภารกิจประจำวันและการใช้ชีวิตแนวโลดโผนผจญภัย คล่องแคล่วปราดเปรียวในทุกเส้นทางทั้งการจราจรในเมืองใหญ่หรือหนทางทุรกันดาร มิชชั่น อี (Mission E) เวอร์ชั่น crossover เน้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่นิยมชมชอบความตื่นเต้นเร้าใจจากกิจกรรมและกีฬากลางแจ้ง ด้วยความสูงใต้ท้องรถถึง 1.42 เมตร ของรถสปอร์ต 4 ที่นั่งดังกล่าว: จุดยึดที่ติดตั้งบริเวณพนักพิงของเบาะนั่งคู่หลังแบบแยกอิสระทั้งสองจุด เหมาะสำหรับการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดยาวกว่าปกติ เช่น อุปกรณ์สกี นอกจากนี้ พนักพิงหลังยังสามารถปรับพับในแนวราบเสมอกับพื้นห้องเก็บสัมภาระซึ่งได้รับการติดตั้งระบบรางยึดสัมภาระพร้อมเข็มขัดรัดแบบปรับระดับและตำแหน่งได้ สามารถเก็บรักษาอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่อย่างสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยจากการกระทบกระแทก นอกจากความอเนกประสงค์ของตัวรถ ผู้โดยสารของมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ยังได้รับประโยชน์สูงสุดในกรณีที่ใช้งานร่วมกับรถจักรยานปอร์เช่ e-bikeจากแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงของตัวรถที่รองรับสิงห์นักปั่นได้อย่างเต็มที่แนวทางการพัฒนายุคใหม่มุ่งเน้นให้ลูกค้าของปอร์เช่ทุกท่านได้รับความสะดวกสบายและรื่นรมย์ด้วยงานออกแบบชั้นเลิศ นวัตกรรมเทคโนโลยีและสมรรถนะเหนือระดับตลอดระยะเวลาที่ขับขี่ยานพาหนะ 2 ล้อล้ำอนาคต

ภายในห้องโดยสาร: สัมผัสอันแตกต่างด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบา
ภายในห้องโดยสารนำเสนอบรรยากาศสุดคลาสสิกด้วยวัสดุคุณภาพสูง ตามธรรมเนียมปฏิบัติอันยาวนานของปอร์เช่ผสานด้วยความทันสมัยจากการยกระดับเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือชุดแผงหน้าปัทม์: อุปกรณ์ข้างต้นได้รับการติดตั้งวางตัวตามแนวขวางตลอดความกว้างของตัวรถ ประกอบด้วยกรอบหน้าปัทม์ทรงปีกแยกตำแหน่งด้านบนและด้านล่างคอนโซลหน้าจัดวางในแนวตั้งด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า แผงควบคุมทรงโค้งโอบล้อมที่นั่งผู้ขับขี่เพื่อความสะดวกในการใช้งาน แผงหน้าปัทม์แบบวงกลม 3 วงภายในบรรจุหน้าจอแสดงผลTFTคอนโซลกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าวางตัวต่อเนื่องในระดับความสูงเท่ากับคอนโซลหน้า เสริมสร้างบรรยากาศอบอุ่นระหว่างการเดินทางด้วยระบบไฟภายในห้องโดยสาร ambient lighting และ indirect lighting
ยิ่งไปกว่านั้นงานออกแบบและวัสดุภายในห้องโดยสาร ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองและสัมผัสได้ถึงโครงสร้างน้ำหนักเบาของตัวรถ อาทิ แผงคอนโซลหน้าและเบาะนั่งสไตล์สปอร์ต รูปทรงเดียวกับเบาะนั่ง bucket-type ในรถแข่ง พร้อมสัญลักษณ์ตัวอักษรปอร์เช่เรืองแสง แผงประตูผลิตด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ให้พื้นผิวสัมผัสแบบ3 มิติชิ้นงานตกแต่งรายรอบห้องโดยสารพ่นสีAnodisedมันวาว กรอบช่องลมระบบปรับอากาศหรือชุดสวิทช์ควบคุมกระจกไฟฟ้าที่สวยหรูจากสีน้ำเงิน Nordic Blue สร้างความแตกต่างอย่างมีชั้นเชิงสไตล์ two-tone ตัดกันอย่างลงตัวกับหนังแท้Aniline สีดำและสีเทาอ่อนในหลายๆจุดของห้องโดยสาร



ขุมพลังขับเคลื่อน: สมรรถนะจากระบบ e-performance พละกำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า
มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ชุด ให้กำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) ส่งผลถึงอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่(Mission E Cross Turismo) ใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานแตะความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาต่ำกว่า 12 วินาทีสมรรถนะอันเหนือความคาดหมายดังกล่าวเกิดขึ้นจากประสิทธิภาพการถ่ายทอดพละกำลังที่ต่อเนื่องซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า: จังหวะเร่งออกตัวที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยปราศจากการสูญเสียกำลังในระบบขับเคลื่อนแม้แต่ น้อยแรงบิดที่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสมจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive พร้อมระบบ Porsche Torque Vectoring รับหน้าที่กระจายกำลังขับไปยังล้อทั้ง 4 และส่งต่อไปยังพื้นถนนอย่างอิสระ
ระบบรองรับ: ช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ Adaptive air suspension นุ่มนวลและมั่นคง

ระบบเลี้ยว 4 ล้อ all-wheel steering ให้ความแม่นยำเที่ยงตรง เพิ่มเสถียรภาพในการบังคับควบคุมให้แก่ตัวรถ ในขณะที่ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension รับหน้าที่ในการปรับตั้งความสูงของใต้ท้องรถให้เพิ่มขึ้นได้ถึง 50 มิลลิเมตร ระบบPorsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญซึ่งมีบทบาทหลักในการเสริมสร้างความมั่นคงจากเสถียรภาพในการเคลื่อนที่ทั้งในแนวระดับและการโคลงตัวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังช่วยในการลดการโยนตัวขึ้นลงเมื่อขับขี่บนเส้นทางขรุขระเป็นหลุมบ่ออีกด้วย

แนวคิดระบบควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง: ประสบการณ์การใช้งานเหนือระดับ
ความโดดเด่นของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่(Mission E Cross Turismo)คือแนวคิดในการควบคุมฟังก์ชันการทำงานของตัวรถผ่านหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงรุ่นล่าสุดตัวอย่างของอุปกรณ์การทำงานและสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้แก่ หน้าจอแสดงผลแบบ head-up display ถ่ายทอดข้อมูลที่สำคัญไปยังผู้ขับขี่ในตำแหน่งระดับสายตา ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการรบกวนสมาธิในการบังคับรถยนต์ และด้วยความล้ำหน้าของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในยานพาหนะ ส่งผลให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงโลกแห่งการสื่อสารที่ไร้พรมแดนได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ข้อมูลและระบบควบคุมที่มีความสำคัญในระดับสูงได้แก่:
• หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่พร้อมระบบตรวจจับทิศทางการมอง eye tracking
ชุดแผงหน้าปัทม์แบบวงกลม 3 วงซ้อนกัน รับหน้าที่ในการสื่อสารกับผู้ขับขี่ด้วยข้อมูลที่ได้รับผ่านระบบ Porsche Connectข้อมูลของสมรรถนะตัวรถข้อมูลของระบบขับเคลื่อนพลังงานที่ใช้และชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chronoระบบ eye-tracking system ตรวจจับทิศทางการมองเห็นของผู้ขับขี่ด้วยกล้องที่ติดตั้งภายในกระจกมองหลัง เพื่อรับรู้ถึงแนวสายตาของผู้ขับขี่ที่จ้องไปยังตำแหน่งต่างๆหลังจากนั้นหน้าจอที่ผู้ขับขี่ให้ความสนใจจะได้รับการเคลื่อนย้ายมาอยู่ด้านหน้า ในส่วนของหน้าจออื่นจะถูกลดระดับความสำคัญลงด้วยการย้ายไปอยู่ด้านหลัง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหน้าจอแสดงผลทั้งหมดได้จากสวิทช์ smart-touch controls ซึ่งติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย
• หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสาร: หน้าจอดังกล่าวจะถูกติดตั้งเยื้องไปทางฝั่งของผู้โดยสาร เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทางของคุณสนุกสนานไปกับการเลือกใช้งานแอปพลเคชันที่หลากหลายผ่านระบบeye trackingและระบบสัมผัสได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงฟังก์ชันของแหล่งรายการเพื่อความบันเทิง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบปรับอากาศและการติดต่อสื่อสาร
• แผงคอนโซลกลางควบคุมด้วยระบบสัมผัสพร้อมเมนูแสดงข้อมูลการทำงานโดยละเอียด
• หน้าจอสัมผัสขนาดเล็ก: หน้าจอดังกล่าวได้รับการติตตั้งไว้บริเวณชุดสวิทช์ควบคุมการทำงานของ window regulator modules (สำหรับการปรับตำแหน่งและฟังก์ชั่นการทำงานของเบาะนั่ง) เช่นเดียวกับในบริเวณช่องลมของระบบปรับอากาศทั้งมุมด้านขวาและด้านซ้ายของแผงคอนโซลหน้า สามารถปรับระดับความแรงของลมได้เพียงลากนิ้วมือไปทางซ้ายและขวาของหน้าจอ

ห้องโดยสารอัจฉริยะหรือ“smart cabin” เต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายและง่ายดายในการควบคุมฟังก์ชันการทำงานต่างๆไม่ว่าจะเป็น การปรับตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ ระบบปรับอากาศและไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารทั้งนี้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการทั้งในรูปแบบเฉพาะตัวของผู้ขับขี่หรือตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายรวมทั้งปรับแต่งค่าการทำงานต่างๆแม้ไม่ได้อยู่ภายในตัวรถ:เติมเต็มศักยภาพ สูงสุดด้วยการกำหนดฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของระบบปรับอากาศ รวมทั้งระบบนำทางผ่านดาวเทียมล่วงหน้าผ่านอุปกรณ์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ หรือนาฬิกา smartwatch
“DestinationsApp”: ผู้ช่วยส่วนตัวเพื่อความสะดวกทุกจุดหมายปลายทาง
ระบบ Porsche Connect พร้อมรองรับบริการด้านเครือข่ายดิจิทัลและแอฟพลิเคชันมากกว่า 20 รายการ สำหรับ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่(Mission E Cross Turismo)ได้รับการติดตั้ง “DestinationsApp” เพื่อเป็นชุดสาธิตในการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์จากการใช้งานรถยนต์ร่วมกับฐานข้อมูลดิจิทัล ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้: แอปพลิเคชันดังกล่าวช่วยให้การวางแผนการเดินทางตลอดระยะเวลาสุดสัปดาห์ของคุณเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายเพียงไม่กี่ขั้นตอนด้วยโทรศัพท์มือถือแอปพลิเคชัน จะช่วยแนะนำสถานที่หรือจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในระหว่างการเดินทาง จัดการจองที่พักได้อย่างรวดเร็วโดยไร้ข้อจำกัด รวมไปถึงจัดตารางการเดินทางตลอดทริปอย่างละเอียด ทั้งจุดแวะพัก ร้านอาหาร และสถานที่สำหรับกิจกรรมสันทนาการหรือสนามกีฬา ยิ่งไปกว่านั้นผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับตั้งการทำงานของระบบช่วงล่างมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo)ให้สอดคล้องกับเส้นทางที่วางแผนใช้ผ่าน “DestinationsApp”เช่นเดียวกับการเลือกสรรเสียงเพลง ระบบปรับอากาศและระบบไฟแสงสว่างภายในห้องโดยสารที่เหมาะสมที่สุดกับบรรยากาศในระหว่างการท่องเที่ยวเดินทาง

ระบบชาร์จพลังงาน: รวดเร็วทันใจและไร้ข้อจำกัด
โครงสร้างระบบไฟฟ้าแรงเคลื่อน 800โวลต์ คือเครื่องรับประกันถึงความมั่นใจว่า แบตเตอรี่ lithium-ion จะได้รับการชาร์จพลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเดินทางด้วยระยะทางสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC) ภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้นรถยนต์ต้นแบบคันนี้สามารถรองรับระบบชาร์จพลังงานที่หลากหลายไม่ว่าจะในระหว่างการเดินทางหรือการชาร์จภายในที่พักอาศัย รวมทั้งได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบเครือข่าย fast-charging network ซึ่งกำลังจะเปิดใช้งานทั่วทุกเส้นทางสัญจรในทวีปยุโรปผ่านสัญญาความร่วมมือพัฒนาของบริษัท IONITY เมื่อเข้ารับบริการในสถานีชาร์จพลังงานที่อยู่ในโครงการ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) สามารถทำการชาร์จผ่านเทคโนโลยีเหนี่ยวนำไร้สาย เช่นเดียวกับการชาร์จด้วย charging dock หรือระบบ Porsche home energy management system และเลือกติดตั้งระบบ photovoltaic system สำหรับการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม

Visitors: 1,488,080