บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แนะนำ BMW 520d Sport รุ่นประกอบในประเทศ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเครื่องยนต์ดีเซลจากตระกูลซีรีส์ 5 กับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมประกาศโปรแกรมบริการหลังการขายของบีเอ็มดับเบิลยู และมินิรูปแบบใหม่ล่าสุด รวมถึงการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างพันธมิตรเพื่อขยายเครือข่าย ChargeNow สถานีชาร์จแบตเตอรี่สาธารณะสำหรับรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก สู่ประเทศไทย

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ให้ความสำคัญต่อความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าของเรา การประกาศหลายข่าวดีของเราในวันนี้ ไม่เพียงแสดงถึงพันธะ สัญญาที่บีเอ็มดับเบิลยูยึดมั่นและมีให้แก่ลูกค้าทุกคน แต่ยังตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกแห่งยนตรกรรม ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ลูกค้าของเราด้วยรูปแบบบริการที่เหมาะสมกับแต่ละท่าน ไปจนถึงการสร้างระบบขับเคลื่อนอันสมบูรณ์แบบเพื่อสุนทรียภาพในการขับขี่ เพื่อรังสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ในอุดมคติสำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทั้งในปัจจุบันและอนาคต ให้เป็นจริง”

“นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport ยังเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ประกอบในประเทศไทยจากโรงงานซึ่งมีศักยภาพการผลิตไม่เป็นรองใครของเราในจังหวัดระยอง จึงทำให้ลูกค้าชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมแห่ง ‘ความปราดเปรียวอันภูมิฐาน’ จากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น”

บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport: ราคา: 3,439,000 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมแพกเกจ BSI Standard)

รถยนต์รุ่นที่สี่จากตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ ที่พร้อมจำหน่ายสำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย และเป็นรถยนต์รุ่นแรกในเจนเนอเรชั่นนี้ที่ประกอบในประเทศ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport มาพร้อมความหรูหรา อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และขุมพลังดีเซลอันปราดเปรียวเปี่ยมพละกำลัง พร้อม บุคลิกสไตล์รถยนต์สปอร์ตในทุกขณะขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport สะท้อนให้เห็นความสง่างามที่เป็นตัวตนของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โดยมาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วแบบ double-spoke ที่ส่งให้ BMW Individual high-gloss Shadow Line อวดโฉมเส้นสายที่ยกระดับความโฉบเฉี่ยวไปอีกขั้น ในขณะที่ไฟหน้า follow-me-home และไฟ welcome lighting ให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความใส่ใจและบุคลิกภาพของรถยนต์ ตั้งแต่เริ่มจนจบการเดินทาง

ภายในของรถยนต์ซีดานรุ่นนี้มาพร้อมกับห้องโดยสารที่เอื้อต่อผู้ขับขี่และการตกแต่งด้วย fine-wood trim ในสี poplar grain grey พร้อมด้วย highlight trim finisher สีโครเมียมมุก ที่เข้าคู่อย่างสมมบูรณ์แบบกับพวงมาลัยและเบาะหนัง ในขณะที่ระบบ Gesture Control ที่เปิดตัวไปพร้อมกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ก่อนหน้านี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คู่กับหน้าจอ แสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่ช่วยให้การควบคุมระบบความบันเทิงและฟังกชั่นโทรศัพท์แบบมาตรฐานเป็นไปอย่างง่ายดายและชาญฉลาด

บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport เปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เพียง 132 กรัมต่อกิโลเมตร

โปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI) รูปแบบใหม่ ที่คุณสามารถเลือกรับบริการระดับพรีเมียมได้อย่างตรงใจ

สำหรับโปรแกรม BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI) ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ในครั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำเสนอทางเลือกในการบริการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการคัดสรรแพ็คเกจการบริการดูแลบำรุงรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการในการขับขี่อันเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล โดยจากเดิมที่มีเพียงการให้บริการบำรุงรักษาสูงสุด 5 ปี หรือ 100,000 กม. และการรับประกันยาวนาน 5 ปี เพียงอย่างเดียว ขยายมาเป็นแพ็คเกจการบริการและการรับประกันรูปแบบใหม่ที่นำเสนอพร้อมทางเลือกของราคาสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิในแต่ละรุ่น ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความพึงพอใจ

นอกเหนือจากแพ็คเกจการให้บริการที่มีให้เลือกหลายระดับแล้ว โปรแกรม BSI และ MSI ยังมอบสิทธิประโยชน์การดูแลบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างครอบคลุม เช่น การบริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง การบริการเปลี่ยนกรองอากาศภายใน การบริการเปลี่ยนหัวเทียน การบริการเปลี่ยนผ้าเบรกและจานเบรก การบริการตรวจสอบรถยนต์ รวมไปถึงการซ่อมแซมและเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์อะไหล่แท้จากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ทั้งนี้การให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ (Mobility Service) สำหรับทุกแพ็กเกจ ครอบคลุมการให้บริการตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

โปรแกรมรูปแบบใหม่จะเริ่มให้บริการโดยผู้จำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป

“โปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ด้วยการบริการรูปแบบใหม่ที่มีให้เลือกหลายระดับ จึงทำให้ลูกค้าชาวไทยเข้าถึงรถยนต์ของเราที่มาพร้อมกับโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ขั้นต้นได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ยังคงมอบสุนทรียภาพในการขับขี่อย่างไร้ ข้อกังวล” มร. ทอยเชอร์ตกล่าวเสริม

นอกจากนี้ ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังร่วมบริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด Greenlots เซ็นทรัลกรุ๊ป และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งประวัติการณ์ เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาและการรับรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในประเทศไทย ข้อตกลงดังกล่าวนำไปสู่การเปิดตัว ChargeNow เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดหรือรุ่นใด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า 50 สถานีทั่วประเทศ ในระยะแรกของการเตรียมวางเครือข่าย

“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยึดมั่นต่อความยั่งยืนในทุกตลาดที่เราดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการนำเสนอบริการ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า การเปิดตัว ChargeNow ในประเทศไทย คืออีกก้าวอันสำคัญยิ่งของการดำเนินภารกิจตามวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตอันยั่งยืนอย่างแท้จริง ด้วยการนำเสนอบริการที่อำนวยความสะดวกและทำให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องไม่ยุ่งยาก เรามุ่งหวังที่จะจุดประกายความสนใจในยานยนต์แห่งอนาคตในหมู่ผู้ใช้งานชาวไทย โดยเสริมสร้างความแข็งแกร่งใน การขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับชาติผ่านนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน” มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าว

ให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดเป็นเรื่องง่ายๆ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับบริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด และ Greenlots ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานแบบเปิด แพลตฟอร์ม cloud-based และแอพพลิเคชั่นบนมือถือ โดย Greenlots ได้ติดตั้งสถานีชาร์จมาแล้วถึง 150 สถานีใน 70 แห่งทั่วประเทศสิงคโปร์ สำหรับในประเทศไทย Greenlots ได้ร่วมมือกับบริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด วางเป้าหมายที่จะติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด จำนวน 50 สถานี ในช่วงแรกของการเตรียมวางเครือข่าย

คุณณรัตน์ไชย หลีระพันธ์ ประธาน บริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจของ โพลีเทคโนโลยีและ Greenlots อย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการริเริ่มโครงการ ChargeNow สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดในประเทศไทย เรายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ที่เห็นความสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมแห่งยนตรกรรมไฟฟ้าที่จะมาถึงในไม่กี่ปีข้างหน้านี้”

ความร่วมมือในโครงการ ChargeNow ระหว่างโพลีเทคโนโลยีและ Greenlots ช่วยให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดเป็นเรื่องสะดวกและง่ายดายอย่างที่ควรจะเป็น โดยตัวชาร์จจะมีให้บริการหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type I และ Type II ภายในเครื่องเดียว ลูกค้าที่เข้าในโครงการ ChargeNow สามารถชาร์จรถยนต์ของตัวเองได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นใดหรือยี่ห้อใดก็ตาม

ทำเลเด่นของสถานที่ตั้งโครงการ ChargeNow ทั่วประเทศ

ในฐานะพันธมิตรแรกที่ร่วมโครงการ ChargeNow เซ็นทรัลกรุ๊ป ผู้พัฒนาด้านธุรกิจค้าปลีกที่มีความเชี่ยวชาญและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ให้ความร่วมมือทางด้านที่ตั้งของสถานีชาร์จในศูนย์การค้าสาขาต่าง ๆ ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ด้วยจำนวนศูนย์การค้าระดับพรีเมียมที่มีมากกว่า 30 สาขา เซ็นทรัลกรุ๊ปจึงเป็นผู้ให้บริการด้านที่ตั้งของสถานี ChargeNow ให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมไร้ข้อสงสัย สามารถเดินทางเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและให้ความเพลิดเพลินในขณะที่รอรถยนต์ชาร์จอยู่

คุณอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า “กลุ่มเซ็นทรัล ให้ความสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง เพื่อก้าวไปสู่การเป็นองค์กรและผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกระดับโลก ในขณะเดียวกัน เราก็มุ่งมั่นที่จะนำเสนอที่สุดแห่งประสบการณ์และคุณค่าในการให้บริการที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า โครงการ ChargeNow และแนวคิดของการเป็นสังคมแห่งยนตรกรรมไฟฟ้าเป็นการก้าวไปสู่อนาคตอย่างชัดเจน ซึ่งเราเล็งเห็นการเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ที่ไม่จำกัดเฉพาะในระดับโลก แต่ยังรวมถึงในประเทศไทยด้วย ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรริเริ่มโครงการ ChargeNow ที่ตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งนำร่องใน 13 แห่งแรกทั่วประเทศ ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เซ็นทรัล ชิดลม เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล และโรบินสัน”

ด้านที่อยู่อาศัยนั้น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมือง ที่นำเสนอโครงการที่อยู่อาศัยอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ซึ่งทุกโครงการล้วนตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย ใกล้ย่านธุรกิจที่สำคัญที่พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรผู้ริเริ่มโครงการ ChargeNow ครั้งนี้

คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นเวลา 25 ปีแล้วที่เป้าหมายสูงสุดของเอพี ไทยแลนด์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนเมือง เรามุ่งมั่นที่จะสร้างที่อยู่พักอาศัยซึ่งตอบทุกมิติของการใช้ชีวิตอันทันสมัย เราเปิดรับทุกไอเดียใหม่ๆ โซลูชั่นในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการใช้พื้นที่ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น โครงการ ChargeNow จึงเป็นมุมใหม่ของการใช้ชีวิตอันทันสมัยในสังคมของ ยานยนต์ไฟฟ้าที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างแท้จริง เรายินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรผู้ริเริ่มโครงการ ChargeNow เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้”

โครงการ ChargeNow ยังคงเปิดรับพันธมิตรที่จะมาเข้าร่วมเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของประเทศไทย ด้วยเป้าหมายที่จะสรรค์สร้างสังคมแห่งยานยนต์ไฟฟ้า และนำไปสู่การไร้การปล่อยก๊าซคาร์บอนในที่สุด

ปัจจุบัน โครงการ ChargeNow ให้บริการสถานีสาธารณะในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 65,000 แห่งใน 27 ประเทศทั่วโลก ด้วยวิธีการชาร์จที่ง่ายดายและรวดเร็ว สำหรับในประเทศไทย สถานีโครงการ ChargeNow จะแสดงที่ตั้งผ่านสมาร์ทโฟนหรือในเว็บไซต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าสถานีไหนว่างหรือมีการใช้งานอยู่ โดยลูกค้าจะได้รับการ์ด ChargeNow เพื่อสามารถเข้ารับบริการในสถานีซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ให้บริการโดยพันธมิตรต่าง ๆ และลูกค้าจะได้รับบิลค่าบริการในทุกสิ้นเดือน เช่นเดียวกับบิลค่าบริการโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

โครงการ ChargeNow จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับเจ้าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type 1 (SAE J1772) และ Type 2 (IEC 62196) ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดหรือยี่ห้อใด โดยจะมีการชี้แจงถึงรายละเอียดในการลงทะเบียนล่วงหน้า ในช่วงประมาณไตรมาสที่สามของปี 2560 นี้

Visitors: 1,487,590